Friday, November 12, 2010

ผลกรรมอันเกิดจากการแท้งบุตร...

ผลกรรมอันเกิดจากการแท้งบุตร...

โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)

       
สวัสดีค่ะ..วันนี้อาจารย์ได้นำบทความบางบทที่ได้ถูกนำเสนอมาแล้วในบางเวป ซึ่งเป็นประโยชน์กับท่านที่สนใจน่ะค่ะถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน และได้มีผู้ที่เข้ามาและสนใจในการทำพลังกายทิพย์ของเด็กอย่างมากค่ะ
อาจารย์ต้องขอขอบพระคุณไว้โอกาสนี้ด้วยค่ะ อย่างน้อยนำทางเลือกหนึ่งทางที่ให้ผู้ที่กำลังมีความทุกข์ได้เลือกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง....
หลังจากที่เราได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับกรรมมาพอสมควร จึงอยากหยิบยกประเด็นที่อาจเห็นได้ชัด เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและพบเห็นกันอยู่เสมอคือ “การทำแท้ง” ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายและผิดศีลธรรม แต่ก็ยังมีให้เห็นและเป็นข่าวปรากฏอยู่เนืองนิตย์  แม้บางฝ่ายจะพยายามเรียกร้องให้เป็นเรื่องที่กระทำได้โดยถูกกฏหมายก็ตาม แต่เสียงคัดค้านส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่เห็นด้วยอยู่ดี
                  
ท่ามกลางภาวะสังคมที่วุ่นวายและสับสน ขาดการศึกษาทางด้านจริยธรรมหรือศีลธรรม ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมต่อเนื่องกันไปไม่มีสิ้นสุด ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ความไม่พร้อมจากวุฒิภาวะ ภาระหน้าที่การงาน การเงิน หรือ ข้ออ้างใด ๆ ที่ท่านจะชักแม่น้ำทั้ง 5 มาอ้างอิงเพื่อสนับสนุนการกระทำแท้งของท่านก็ตาม
                  
แต่ท่านจะหนีจากการเป็น “ผู้ร้ายฆ่าคน” ไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดจากเจตนาหรือไม่ก็ตาม รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ในเมื่อชีวิตหนึ่งต้องสูญเสียไปจากการกระทำใด ๆ ก็แล้วแต่ ย่อมก่อให้เกิดความเศร้าเสียใจและจิตใจหดหู่ขาดความสุขไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว
                  
ผลที่จะติดตามมาจากการทำแท้งนั้นใหญ่หลวงนัก ประการแรกเสี่ยงชีวิตตนเอง เพราะการตกเลือด อาจจะต้องตายตามบุตรไปด้วย หรือ ถูกจับได้ในขณะกระทำอยู่ย่อมมีความผิดตามกฏหมายอีกด้วย ทั้งผู้ทำและผู้ให้กระทำ หรือ อาจทำให้มดลูกพิการจนไม่สามารถมีบุตรได้ตลอดชีวิต
                  
แม้จะผ่านวิกฤตที่กล่าวมาได้ ภายหลังแม้จะประกอบอาชีพการงานใดก็จะประสพอุปสรรค ทำมาหากินไม่ขึ้น ปวดศรีษะรุนแรง หรือ ปวดบริเวณกระเบนเหน็บ ปวดในช่องท้อง หรือ มดลูก มากกว่านั้นอาจถูกตัดมดลูกก็ได้  หลายรายอาจไม่คาดไม่ถึงว่า ผลกรรมทำแท้งนี้จะเป็นบาปอันมหันต์มากมายถึงขนาดนี้
ผิดอะไรถึงไม่ให้เขาเกิด
                  
การเกิดเป็นมนุษย์นั้นต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ การกำเนิดเป็น “คน” นั้นยากเย็นแสนเข็ญ บางดวงจิตดวงวิญญาณ รอการเกิดเป็นคนมานานนับกัปป์กัลป์ แต่ท่านไปทำลายโอกาสและความหวังหนึ่งเดียวที่รอมานานแสนนาน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของทารกที่อยู่ในครรภ์แม้แต่นิดเดียว  และเกิดจากการการะทำของผู้ให้กำเนิดในเพศที่เรียกกันว่า “แม่”
                  
หากเขาได้เกิดมาลืมตามองโลก เขาอาจจะเป็นบุคคลสำคัญที่มีคุณค่าต่อชาติบ้านเมือง หรือของโลกก็ได้ เพราะการเกิดเป็นมนุษย์นั้นสามารถสร้างบุญได้สูงสุดในโลกก็ว่าได้ เฉกเช่นการตรัสรู้ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มาจากความเป็นมนุษย์นี่แหละ  ซึ่งพุทธองค์ได้กล่าวไว้ว่า สิ่งที่ถึงพร้อมและยากยิ่งที่จะบังเกิดขึ้นมาในโลกนี้มีอยู่ 4 อย่างด้วยกันคือ

1.   การได้เกิดมาเป็นมนุษย์   เพราะหากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือ โอปปาติกะ
ก็หมดโอกาสเหมือนกัน เพราะไม่อาจเข้าใจภาษาหรือปฏิบัติถึงชั้นสูงสุดได้

2.  การได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เพราะถึงเกิดเป็นมนุษย์ หากไม่ได้เกิดในเขตแดนพระพุทธศาสนา ย่อมไม่มีโอกาสศึกษาธรรมได้ลุ่มลึก เพราะบางภพอาจว่างจากพระพุทธเจ้ามีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า  หรือในเขตศาสนาอื่น ที่มีแต่ความวุ่นวายจนเป็นกลียุคได้
3.  การได้ฟังธรรมจนเกิดความเลื่อมใส ต้องอาศัยเหตุปัจจัยต่อเนื่องจากผลดังกล่าวข้างต้นประกอบกัน
4.  การได้มีโอกาสบวชเรียน เมื่อฟังธรรมจนเลื่อมใส  จนคิดอยากบวชเรียนหรือหันมาศึกษาปฏิบัติอย่างจริงจัง จนสามารถบรรลุธรรมได้ในระดับใดระดับหนึ่ง
                  
ดังนั้นความเป็น “คน” หรือ “มนุษย์” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะไม่ใช่จะเกิดง่าย ๆ แต่เมื่อคลอดและอยู่รอดเป็นทารก จนเติบใหญ่ขึ้นมา ใฝ่ศึกษาหาความรู้ ย่อมมีโอกาสในการสร้างบุญกุศลในระดับต่าง ๆ เช่น การให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา สุดแท้แต่ภูมิสติปัญญาของแต่ละคน
                  
วิญญาณในระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดียรรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือ เทพ เทวา ในระดับต่าง ๆ หากคิดจะใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์ คงจะทำได้ยาก เว้นแต่ใส่บาตรพระอริยเจ้า ผู้มีหูทิพย์ตาทิพย์นั่นแหละ  แต่จะต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะพบท่านสักองค์  บางภพบางภูมิก็ไม่มีอะไรจะใส่ให้ท่านได้  แต่บางท่านก็อาจมีอาหารทิพย์ใส่บาตรให้ท่านก็มี หรือหากจะทำสังฆทาน อุทิศร่างกายเป็นทาน ก็กระทำไม่ได้แน่ ๆ
                  
สภาวะของวิญญาณในระดับต่าง ๆ นั้น ถ้าจะปฏิบัติธรรมให้ได้ผลในระดับสูงสุดคงจะทำไม่ได้ เพราะขาดสังขารที่จะต้องมาเผชิญ “วิบากกรรม” อันเกิดจากการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อันเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะชดใช้หนี้เวรหนี้กรรมที่มีต่อเจ้ากรรมนายเวร และหากหมั่นเพียรปฏิบัติจนเกิดปัญญาญาณจากการเจริญวิปัสสนา ถ้าไม่มีความเป็นมนุษย์รองรับก็จะบรรลุได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ถึงชั้นสูงสุด
                  
แต่แล้วจู่ ๆ ก็ถูกพวกท่านทั้งหลายมาตัดอนาคตการเกิด ด้วยการ “ฆ่า” ทำให้เขาหมดโอกาสเกิดมาสร้างบุญสร้างกุศล ตัดโอกาสการใช้หนี้เวรหนี้กรรม โอกาสเกิดมารับใช้ชาติบ้านเมืองซึ่งอาจจะสร้างผลประโยชน์แก่ตนเองและสังคมต่อไปในภายภาคหน้า หรือ หากเกิดเป็นชายก็จะมีโอกาสได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
                  
บางคนอาจจะคิดเลยไปว่า ตายเสียได้ก็ดี เกิดมาอาจพิกลพิการ ปัญญาอ่อน หรือ ทำตัวเป็นคนชั่วช้าลามกก็ตาม นั่นเป็นเรื่องของของกรรมแต่ละคน ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเที่ยวไปพิพากษาโทษเขา อยู่ที่เรารู้จักอบรมดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูให้ดีแค่ไหนเท่านั้น
                  
บางคนก็คิดเองว่า เพียงเดือนเศษยังเป็นก้อนเลือดยังไม่เป็นตัว ไม่ถือเป็นบาป แต่ในทางความเป็นจริงในทางพระพุทธศาสนาถือว่า เมื่อไข่ได้รับการผสมเชื้อแล้ว ก็เกิดการปฏิสนธิ ถือว่าชีวิตได้เริ่มต้นพัฒนาตัวเองแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะแอบอ้างหรือแก้ตัวแต่อย่างใด แม้แต่ทางโลกก็ถือว่าผิดกฏหมายและผิดศีลธรรม ถึงแม้ว่าจะเกิดจากไม่เจตนา เช่น จากอุบัติเหตุ หรือ แท้งโดยธรรมชาติ ก็ยังถือว่าเป็นบาปอยู่ดี เพราะการจะถูกฆ่าโดยวิธีใด จากเจตนาหรือโดยประมาทย่อมมีความผิดอยู่ดี ย่อมสร้างความโกรธและความแค้นให้กับดวงจิตดวงวิญญาณได้เหมือนกัน มากหรือน้อยก็อีกกรณีหนึ่ง
                  
ถ้าเป็นคุณถูกเขา “ฆ่า” บ้าง จะรู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะการทำแท้งนั้น เป็นเจตนาและกระทำอย่างเลือดเย็น คิดว่ามีเหตุผลพอเพียงที่ดวงวิญญาณนั้นจะโกรธแค้นหรือไม่
                  
บางคนพอทำแท้งไปแล้ว ก็เที่ยววิ่งถวายสังฆทานอุทิศ ขออโหสิกรรมต่อดวงจิตดวงวิญญาณดวงนั้น เหมือนกับตบหัวแล้วลูบหลัง มันง่ายเกินไปหรือเปล่า ลองเราถูกฆ่านอนอยู่ในโลง แล้วมีคนเอาข้าวน้ำมาตั้งไว้ข้าง ๆ แล้วเคาะโรงให้ออกมารับของนั้น แล้วให้เป็นอโหสิกรรมกัน ถ้าเป็นวิญญาณท่าน ท่านจะทำอย่างไร
ผลของกรรมทำแท้ง                  
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ผลของการแท้งบุตร จะโดยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ล้วนแต่เป็นต้นเหตุแห่งการเจ็บป่วย หรือทำมาหากินไม่ขึ้น ที่กล่าวว่าเจตนานั้นคงจะพอเข้าใจกันดี แต่ไม่เจตนาเป็นกรรมด้วยเหรอ ก็ขอตอบให้ชัด ๆ ลงไปเลยว่า กรรมแน่นอน ในทางโลกแม้ว่าคุณจะไม่มีเจตนา อาจจะประมาทพลาดพลั้ง หรืออุบัติเหตุ หรือเหตุสุดวิสัยก็แล้วแต่ ถ้าลงได้ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือตาย ก็ถือว่ามีความผิดแน่นอน ส่วนบทการลงโทษทางกฏหมายนั้นย่อมอยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญ ดังนั้นพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นข้อชี้บ่งบอกอยู่ในตัว เพราะถ้าเจตนาบทลงโทษก็หนักเบาแตกต่างกันออกไป


                  
ลักษณะของการแท้งบุตรนั้นก็มีอยู่หลายประการด้วยกัน
1.  เจตนาทำแท้ง เช่น การใช้ยาขับออก  รีดทารกออก  จะโดยเหตุผลทางสังคมที่ยังไม่พร้อมจะมี บุตร ตั้งครรภในระหว่างวัยการศึกษา หรือ ถูกข่มขืน ซึ่งกฏหมายอาจอนุญาตให้ทำแท้งบุตรได้

2.  ไม่เจตนาให้แท้ง เช่น การยกของหนัก นั่งยานพาหนะที่เกิดการกระแทกอย่างแรงจนก้อนเลือดแตก อุบัติเหตุตกจากที่สูง
สิ่งหนึ่งที่มักเป็นเหมือนกันก็คือ การเจ็บปวดที่บริเวณกระดูกสันหลังบริเวณกระเบนเหน็บหรือในท้อง เพราะดวงวิญญาณน้อย ๆ ที่หลุดลอยออกไป ย่อมมีความโกรธแค้นในการกระทำของผู้เป็นแม่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกประการหนึ่งเพราะกรรมเก่ามาตัดรอน เมื่อไม่มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์จึงต้องกลายไปเป็นสัมภเวสีแทน และยังไม่หมดหนี้กรรม จะไปจุติในภพใดภพหนึ่งก็ยังไม่ได้ ก็เลยไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนดี เลยต้องเกาะหลังผู้เป็นแม่นั่นแหละ จนกว่าจะหมดกรรมได้ไปจุติในภพใดภพหนึ่งต่อไป หรือจนกว่าจะได้มีการอโหสิกรรมนั้น
จึงจะยอมเคลื่อนออกมาจากบริเวณที่เจ็บปวดไปหาที่อยู่ใหม่ต่อไป
การเกาะติดหลังนั้นย่อมจะทำให้เกิดการเจ็บปวดได้ เพราะจิตหรือวิญญาณก็เป็นพลังงานรูปหนึ่ง ที่แม้จะมองไม่เห็นตัวตนได้ แต่ก็สัมผัสได้ด้วยความรู้สึก เมื่อยึดตามเส้นเอ็นในร่างกายก็เกิด การกดเส้นประสาทในจุดนั้น ๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ทางการแพทย์อาจวินิจฉัยว่า  เกี่ยวกับหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือ เส้นเอ็นอักเสบก็แล้วแต่ กินยาก็แล้ว นวดก็แล้ว มันก็หายเพียงชั่วคราว บางคนปวดมากจนแทบจะทนไม่ไหว ดีไม่ดี กลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงต้องผ้าตัดก็ยิ่งไปกันใหญ่
บางรายอาจปวดในช่องท้อง ซึ่งแพทย์อาจวินิจฉัยว่า เป็นเนื้องอกหรือมะเร็งที่มดลูก บางรายถูกตัดลำไส้ ตัดปีกมดลูกหรือมดลูกในที่สุด บางรายเป็นฝ่ายชายที่สนับสนุนหรือบังคับให้อีกฝ่ายทำแท้ง ก็อาจมีอาการแน่นหรืออืดท้องเป็นประจำก็มี ดังนั้นโรคที่เกี่ยวกับการทำแท้งทั้งโดยเจตนาหรือไม่เจตนา จึงมีหลายประการด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้
จะทำมาหากินไม่ขึ้น จึงขอให้ท่าน
ได้ศึกษาจากเรื่องราวต่าง ๆ ต่อไป ....







ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)
















Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment