Saturday, November 20, 2010

สร้างพลังรัก ฉบับปรุงแต่ง "รักต้องพูด" ...

สร้างพลังรัก ฉบับปรุงแต่ง "รักต้องพูด" ...

โดย ธูปพลังรัก...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)


สวัสดีค่ะ... ผู้ชมทางเวปที่รักทุกท่านวันนี้อาจารย์จะมาพูดถึงการสร้างพลังรัก ฉบับปรุงแต่ง ของอาจารย์ซึ่งต้องขอขอบคุณ พญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการปรุงรัก ฉบับครอบครัวซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับท่านที่มีความรักและกำลังจะเริ่มรักหรือกำลังที่จะมีปัญหาเรื่องความรักหลายๆรูปแบบ ซึ่งเป็นรายการที่ดีมีประโยชน์อย่างมากกับสถาบันครอบครัว และเป็นการสร้างพลังรักพลังชีวิตให้ชายหญิงซึ่งกำลังจะมีปัญหาและมีปัญหาแล้ว ให้รู้ความจริงของกฏธรรมชาติ การที่อาจารย์เสนอบทความเหล่านี้ซึ่งดูแล้วไม่เกี่ยวกับชะตาชีวิตเลย แต่อาจารย์เห็นว่าการที่คนเราเมื่อเข้าใจชะตาชีวิตแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้คือความเข้าใจ และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของผู้คนซึ่งยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในชีวิตต่อไปอีกนาน เป็นไปได้ว่าเมื่อคนเราเกิดมาแล้วอย่างน้อยควรที่มีชีวิตที่มีความสุข ความเข้าใจกับโลกใบนี้ให้มากขึ้น จึงของเริ่มเรื่อง ตอนที่2 คือ “เรื่องรักต้องพูด” คุณอารี อายุ 37 ปี มีปัญหาค้างคาใจกับเรื่องสามีตั้งแต่แต่งงานกันมา 10 ปี ตอนเป็นแฟน ความรักก็ดำเนินไปอย่างเรียบๆ จนกระทั่งแต่งงานกัน หลังแต่งงานสามปี ทั้งสองมีลูกสาวด้วยกัน ชีวิตครอบครัวน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่คุณอารีก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดี และไม่ค่อยมีความสุข เธอเล่าว่า ไม่เคยทะเลาะและใช้อารมณ์แก่กัน แต่กับสามี ก็มีเรื่องพูดคุยกันน้อยลงเรื่อยๆ ตอนเช้าทั้งสามีและคุณอารีออกไปทำงาน เย็นกลับจากที่ทำงานเวลาใกล้เคียงกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง เช้านอน จบไปหนึ่งวัน เวลาผ่านไปแต่ละวัน คุณอารีเริ่มไม่แน่ใจความรู้สึกของตนเองว่าต้องการอะไร จากการพูดของคุณอารีเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวันและความรู้สึกที่เกิดขึ้น คุณอารีรู้สึกว่าสามีเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตครอบครัวน้อยมาก เขาเหมือนหุ่นยนต์ในบ้าน พูดน้อย ทำหน้าที่ของตนเองตามปกติทุกวัน ทุกเย็นคุณอารีทำหน้าที่แม่บ้าน ดูแลบ้าน เตรียมอาหาร ดูแลลูก พาลูกเข้านอน แล้วถึงจะได้ทำกิจวัตรส่วนตัวของตนเอง คุณอารีอยากให้สามีพูดคุย ถามไถ่บ้างว่าคุณอารีเป็นอย่างไร เหนื่อยไหม ช่วยหยิบจับงานในบ้านบ้าง
ฟังดูเหมือนคุณอารีเหนื่อยกับหน้าที่นอกบ้านและในบ้าน ถามคุณอารีว่าอยากให้สามีช่วยงานในบ้านไหม คุณอารีคิดว่าอาจจะใช่แต่ในใจอยากได้ความรู้สึกว่าสามีรัก  คุณอารีไม่รู้ว่าทำไมถามตัวเองบ่อยๆว่าเขารักเราไหม     คุณอารีเล่าว่าตั้งแต่เป็นเด็กไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ อาศัยอยู่กับลุงและป้า ทำงานในบ้านเหมือนเด็กรับใช้ แต่ลุงป้าก็อุปการะจนเรียนหนังสือจบ เรียบจบมีงานทำคุณอารีออกจากบ้านมาดูแลตนเอง เป็นคนไม่มีญาติพี่น้อง จนแต่งงานกับสามี ตั้งแต่เป็นเด็กอยากได้ความรัก คิดว่าถ้าอยู่กับพ่อและแม่ มีคนกอด มีคนบอกว่า เมื่อมีความรัก ชีวิตคงไม่แห้งแล้ง
ฝ่ายสามีของคุณอารียอมรับว่าไม่ค่อยมีความสุขเช่นกัน ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของภรรยา รู้ว่าคุณอารีไม่มีความสุข แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ชีวิตครอบครัวเป็นอย่างที่ควรจะเป็น สามีของคุณอารีมาจากครอบครัวใหญ่ มีพี่น้องหลายคน ภาพครอบครัวที่จำได้ติดตา คือ พ่อทำงานนอกบ้าน แม่เป็นแม่บ้าน เช้าพ่อออกจากบ้าน เย็นกลับเข้าบ้าน แม่ทำงานทั้งวันดูแลลูกหลายคน ตกเย็นแม่ทำอาหาร ดูแลทุกคน และเข้านอนเป็นคนสุดท้าย สามีของคุณอารียอมรับว่ามีความคาดหมายบทบาทของภรรยาอย่างที่เห็นแม่ทำตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยถามว่าแม่รู้สึกอย่างไร แต่ครอบครัวก็สงบสุข
ครอบครัวของคุณอารีคล้ายกับอีกหลายครอบครัว ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ไม่ค่อยมีความสุขเหมือนบางอย่างขาดหายไป ปีที่10 ของชีวิตแต่งงาน ที่ฝรั่งบอกว่าเป็นช่วงค้นหาชีวิตแต่งงานที่แท้จริง  คงเป็นเวลาที่ทำให้ความรู้สึกลึกๆในใจเริ่มปลดปล่อยออกมา อยู่กันไปแกนๆอย่างนี้ ต่างฝ่ายต่างไม่มีความสุข น่าเสียดาย ชีวิตครอบครัวเป็นชีวิตที่เติมเต็มความฝัน ให้พลังกับชีวิต และปัญหาครอบครัวควรทำให้คนทั้งคู่ได้กลับมาทำความเข้าใจตนเอง
คุณอารีมีชีวิตวัยเด็กที่ขาดรัก รักแบบที่สัมผัสด้วยใจ ไม่ใช่ความกรุณให้ที่อยู่ที่กิน ให้โตมาจนดูแลตนเองได้ เด็กทุกคนเรียนรู้ความรักจากการสัมผัสของคนรอบข้างที่ทำให้ตระหนักได้ถึงความสำคัญ ความรักที่มีให้กับเด็กคนนั้น เมื่อไม่เคยได้รับ ในใจจะมีความต้องการจากคนที่ใกล้ตัวมาก จากคนรัก จากสามี มีความสงสัยในความรักของอีกฝ่าย ต้องการความมั่นใจว่าความรักยังอยู่ ไม่หายไปไหน คุณอารีต้องการการแสดงออกจากสามี ว่าคุณอารีเป็นที่รัก อาจจะมากกว่าภรรยาคนอื่นที่ไม่เคยมีประสบการณ์ขาดรักมาก่อน
การแสดงความรักในชีวิตครอบครัวเป็นศิลปะการครองเรือน การแสดงความรักมีหลายวิธี หลักการอยู่ที่ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ความคิด คำนึงถึง ความสำคัญของเขา ส่วนจะโรแมนติกมากน้อยแล้วแต่จะหวานกันขนาดไหน การแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ผ่านการพูดบอก การสัมผัสทางกาย ทางสายตา แม้เวลาจะผ่านไปการแสดงความรักอย่างสม่ำเสมอช่วยเป็นพลังให้กับชีวิตครอบครัวที่มีความรับผิดชอบมากมาย
แต่เผอิญสามีของคุณอารีไม่ได้โตมาอย่างที่จะพูดบอก หรือให้สัมผัสบอกรัก สามีของคุณอารีไม่เคยเห็นพ่อและแม่ต้องบอกรัก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง สามีของคุณอารีไม่คิดว่าการบอกรักสำคัญกับความรักในครอบครัว และไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณอารีต้องการคืออะไร สามีคุณอารีคาดหมายว่าตัวเองทำหน้าที่ประจำวันก็เพียงพอแล้ว สิ่งที่คุณอารีทำทุกวันเป็นหน้าที่ตามปกติของภรรยา
ความแตกต่างในวิธีการบอกรัก ทำให้หลายคู่คิดว่าความรักของตนเองไม่สมบูรณ์ แต่อันที่จริงเป็นความคาดหวังที่มีต่อกัน เมื่อแต่งงานแล้วการสื่อสารกันจึงเป็นหัวใจสำคัญในชีวิตในครอบครัว การสื่อสารเป็นการออกจากโลกของตัวเราเองที่คิดไปเองว่าอีกฝ่ายคิดและรู้สึกอย่างไร ไปสู่การทำความเข้าใจโลกของเขาอย่างที่เขาคิดและรู้สึก แทนการเงียบเฉยและคิดไปต่างๆนานา การสร้างสะพานเชื่อมความคิด ความรู้สึกให้ทั้งสองฝ่ายเดินออกจากมุมมาพบกันบนสะพานของการพูดคุยอย่างคนที่ตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นวิถีทางแห่งรักและผูกพัน
คำพูดที่มีความหมาย กับการบอกรัก แม้หลายคนคิดว่าคำพูดไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สื่อความรู้สึกภายใน แต่คำพูดเป็นตัวเชื่อมให้ความรู้สึกแสดงออกมา คำพูดที่ว่าอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคำว่ารัก แต่คำพูดที่แสดงออกถึงภายในใจว่าเรารู้สึกกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำให้ครอบครัวบวกกับสัมผัสที่แสดงออกเป็นพลังความรู้สึกที่มีความหมายมหาศาล แม้การทำหน้าที่ของภรรยาจะเป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำ แต่เธอทำได้อย่างที่สามีอยากจะให้ภรรยาคนหนึ่งทำหน้าที่นี้ แทนที่ทุกวันจะผ่านไปอย่างเงียบสงบ หากวันนี้สามีโอบไหล่และบอกภรรยาว่าผมชอบที่ได้ทานข้าวเย็นที่บ้านกับคุณ คำพูดและการแสดงออกเป็นการบอกว่าเรามีส่วนร่วมกัน เรารับรู้กันและกัน การแสดงออกไม่มากแบบนี้ทำให้วันที่เงียบสงบเหมือนมีเสียงเพลงที่ไพเราะดังอบอวลอยู่ในหัวใจ....
การเปลี่ยนแปลงตนเองจากคนที่ไม่แสดงความรัก มาพูดแสดงออกไม่ง่ายนัก ทั้งคุณอารีและสามีพูดคุยเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคน  เพื่อเข้าใจกันและกันว่าต่างมีความคาดหวังให้อีกฝ่ายยอมรับ คุณอารีอยากให้สามีบอกรัก ส่วนสามีคุณอารีพอใจกับการต่างคนต่างทำหน้าที่ของตน เมื่อเข้าใจกันต้องพร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น สามีของคุณอารีต้องแสดงความรู้สึกกับภรรยามากขึ้น คุณอารีอย่ามัวรอให้สามีต้องเป็นฝ่ายแสดงออก คุณอารีสามารถเป็นฝ่ายเริ่มต้นให้เกิดการแสดงความรักต่อกันมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องฝ่ายรอรับการหยิบยื่นความรัก สามารถเริ่มต้นสร้างบรรยากาศการสื่อสารด้วยการยิ้ม หัวเราะ พูดคุยหรือสัมผัสกัน ถ้าทั้งสองคนตั้งใจเปลี่ยนแปลงตนเอง ความสุขที่ได้รับจะเป็นแรงส่งให้ทั้งสองตั้งใจเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อกัน และวันนี้ครอบครัวของคุณอารีกับสามีไม่ได้ผ่านไปอย่างเงียบเชียบและอ่อนล้าเหมือนอย่างที่เคยเป็น
การสื่อสารในชีวิตแต่งงานเป็นการออกจากโลกของตนเองที่คิดไปเองว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไร ไปสู่การเปิดรับมุมมองของอีกฝ่าย และเปิดรับความเป็นแบบฉบับของตัวเขาเองด้วย
ซึ่งมีสาระสำคัญทำให้ท่านผู้ชม ยิ้มได้ก็แล้วกันน่ะค่ะ


ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)


















No comments:

Post a Comment