Sunday, November 14, 2010

เทพเจ้าแห่งดวงตาที่สาม... ผู้หยั่งรู้ชะตาชีวิตของมนุษย์...

เทพเจ้าแห่งดวงตาที่สาม... ผู้หยั่งรู้ชะตาชีวิตของมนุษย์...  
โดย พลังแสงกายทิพย์...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)





ตำนานพระฤาษีตาไฟ
ตำนานเกี่ยวกับผู้วิเศษคือเรื่องราวหนึ่งในตำนานที่ถูกกล่าวขานอยู่ทั่วโลก อย่างในสุวรรณภูมิเรานั้นมีเรื่องราวผู้วิเศษหลายท่าน ทั้งที่เป็นพระอรหันต์ และพระฤษีผู้ทรงฤทธิ์ รวมทั้งเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามหลักโยคะศาสตร์ต่างๆ เช่น เล่นว่านยา เล่นแร่แปรธาตุ เล่นอาคม ก็สามารถเข้าถึงอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติได้ จากตำนานทั่วไปเราพบว่าอำนาจวิเศษทั้งหลายเหล่านั้นมักจะพบอยู่ในผู้ที่ออกบวช  โดยเฉพาะเหล่าฤษีทั้งหลาย ทั้งนี้ฤษีคือพวกออกบวชพระพฤติพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด และเข้าถึงอำนาจแห่งพระเป็นเจ้า โดยมากนั้นฤษีมักนับถือพระเป็นเจ้าตามคติลัทธิพราหมณ์ คือ นับถือพระพรหมธาดา พระศิวะ พระนารายณ์ การภาวนาของฤษีอยู่ในหลักของการเล่นพลัง การเล่นกสิณ ดังนั้น ฤษีจำนวนไม่น้อยจึงบรรลุถึงอำนาจที่เหนือธรรมชาติจากการปฏิบัติโยคะทางจิต อำนาจของฤาษีที่บรรลุฌานสมาบัตินั้น ได้แก่ อำนาจในการเดินบนแผ่นน้ำ การดำดิน การเหาะขึ้นไปบนฟ้า การย่นย่อระยะทาง การรู้วาระจิต การได้หูทิพย์ ตาทิพย์ และอำนาจจิตในการบังคับควบคุมธาตุทั้ง 4 ได้อย่างเด็ดขาด เหล่านี้คืออำนาจที่อยู่ในพระฤาษีที่ลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า
เรื่องราวของพระฤาษีตาไฟนั้นความจริงแล้วเป็นเรื่องลี้ลับเพราะนามพระฤาษีตาไฟนั้นปรากฏมาเป็นเวลานานนับพันปี ความลี้ลับของพระฤาษีตาไฟนั้นพอเทียบได้กับเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ยากจะสืบค้นความจริงได้ ในปัจจุบันจะเห็นว่าการสร้างรูปเคารพของพระฤาษีตาไฟนั้นมักปรากฏเป็นพระฤาษีที่มีสามตา โดยมีตาที่สามกลางหน้าผาก ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ลืมขึ้นมาเมื่อใดจะบังเกิดเป็นไฟประลัยกัลป์ขึ้นเมื่อนั้น ลักษณะของตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีบุญและมีตบะฌานที่แก่กล้า ตามคติทางพราหณ์และพุทธนั้นกล่าวว่าบุคคลที่ได้บำเพ็ญเพียรทางจิตมาหลายร้อยหลายพันชาติ เป็นอนันตชาตินั้น เมื่อบังเกิดขึ้นมาในภพชาติปัจจุบันจะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่มีบุญเกิดขึ้นกับร่างกายหลายอย่าง และอย่างหนึ่งก็คือการมีอุณาโลมที่กลางหน้าผาก อุณาโลมกลางหน้าผากนี้กับภาวะตาที่สามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งตาที่สามหรือดวงตาแห่งเทพเจ้า
พระอิศวรหรือพระศิวะถือว่าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่ง ตามตำนานกล่าวว่าพระองค์ทรงมีสามตา โดยตาที่สามพระองค์นั้นอยู่กลางหน้าผากดุจเดียวกับพระฤาษีตาไฟ และเหมือนกันอีกประการ หนึ่งก็คือ เมื่อใดก็ตามที่พระอิศวรทรงลืมพระเนตรขึ้น เมื่อนั้นย่อมบังเกิดไฟประลัยกัลป์ขึ้นมา ความเหมือนกันโดยบังเอิญของตำนานพระอิศวรและพระฤษีตาไฟที่พ้องกันเช่นี้ทำให้เชื่อว่าท่านทั้งสองคือพระฤษีตาไฟและพระอิศวรย่อมมีความเกี่ยวพันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งและพอเชื่อได้ว่าพระฤษีตาไฟแท้จริงแล้วก็คือภาคหนึ่งของพรศิวะหรือพระอิศวรเจ้านั้นเอง
ในหมู่บรรดาฤษีโยคีทั้งปวงแล้ว ต้องนับถือว่าพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นใหญ่สูงสุด เพราะพระอิศวรหรือพระศิวะนั้นแท้จริงแล้วคือบรมโยคีหรือมหาโยคี เป็นเทพพรหมฤาษีที่ทรงตบะสูงสุด ทั้งนี้ฤษีทั้งหลายย่อมบูชาโดยตรงต่อองค์พระศิวะด้วยกันทั้งสิ้นและนับถือกันว่าพระศิวะนี้ คือพระเป็นเจ้า พระศิวะคือต้นตอแห่งฤษีทั้งหลาย การบำเพ็ญทั้งหลายของฤษีโยคีย่อมมุ่งตรงต่อพระศิวะทั้งสิ้น และด้วยเหตุนี้พระฤษีตาไฟ พระฤาษีตรีเนตร และพระฤษีอิศวร ซึ่งแท้จริงก็คือท่านเดียวกัน ย่อมมีฐานะเป็นฤษีสูงสุดเป็นเจ้าแห่งฤษีทั้งปวง และย่อมเป็นประธานแห่งฤษีทั้งหลายด้วย

ความหมายแห่งตาที่สามหนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องเกี่ยวกับพระฤษีตาไฟ คือ เรื่องตาที่สามของพระคุณเจ้าฤษีตาไฟ เพราะตาที่สามของพระฤษีตาไฟนั้น นับเป็นจุดศูนย์รวมพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ จุดตาที่สามนี้หากเราทำการค้นคว้าสอบถามครูบาอาจารย์และนักพลังจิตจะพบว่า เป็นจุดกึ่งกลางหน้าผากของคนเรานั้นเป็นจุดศูนย์รวมพลังงานลี้ลับ ทางโยคะศาสตร์เรียกตรงนี้ว่า “อาชญะจักรา” หรือตาที่สาม เป็นจุดที่สามารถปลดปล่อยพลังงานทางจิตในระดับสูง และกล่าวว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถพัฒนาจุดศูนย์รวมพลังงานตำแหน่งนี้ (จักรา) จะเกิดอำนาจทางทิพยจักษุญาณ
และหากกล่าวถึงการฝึกเพื่อเปิดตาสามตามแนวทางโยคีทางฮินดูแล้ว จะกล่าวถึงวิชาโยคะศาสตร์อันเร้นลับที่เชื่อว่าภายในตัวเรานั้นมีเส้นพลังงานบางอย่างภายในตัว และนอกจากนี้ยังมีศูนย์รวมพลังงานอยู่ทั้งหมดถึง 7 จุดด้วยกัน บริเวณตำแหน่งตาที่สามคือจุดที่หก เรียกว่า   จักราที่หก หรือที่เรียกว่าอาชญะจักรนี่เอง การเปิดจักรานี้จะทำได้ก็ด้วยการเดินพลังงานชนิดหนึ่งที่มีอยู่ภายในร่างกายของคนเราที่เรียกว่า “พลังกุณฑาลินี” พลังงานชนิดนี้จะขดตัวอยู่ ณ บริเวณก้นกบ โยคีต้องทำการเข้าสมาธิเพื่อปลุกพลังงานดังกล่าวให้ตื่นขึ้นอย่างเหมาะสม การปลุกพลังกุณฑาลินีในตำราโบราณกล่าวว่าเป็นสิ่งที่อันตรายหากทำโดยไม่มีผู้รู้แนะนำแล้วพลังดังกล่าวเมื่อเคลื่อนตัวขึ้นมาสู่บริเวณหน้าผากหรือตำแหน่งตาที่สามจะก่อให้เกิดการเปิดจักรานี้เป็นผลให้บุคคลผู้นั้นมีภาวะเห็นสิ่งต่างๆที่ดวงตาของคนทั่วไปไม่อาจมองเห็นได้ เช่น การมองเห็นออร่าหรือรัศมีของร่างกายของคนเรา   การทำนายโดยใช้กระแสจิต เป็นต้น ซึ่งพลังนี้ยังรวมไปถึงการปลดปล่อยพลังจิตเพื่อทำการโทรจิตก็ได้ และหากบุคคลผู้นั้นผ่านการฝึกฝนกสินมาด้วยแล้วย่อมสามารถปลดปล่อยพลังออกมาจากตาสามทำให้เกิดไฟขึ้นได้ เรียกว่าเพ่งไปที่ใดก็เกิดไฟลุกขึ้นที่นั่นเป็นดั่งพระฤาษีตาไฟนั่นเอง.....

การครอบเศียรพระฤาษีตาไฟ
พระฤาษีตาไฟนับเป็นบรมครูผู้หนึ่งในอดีตกาลที่เชื่อถือกันว่าท่านสำเร็จอภิญญาสมาบัติ สำเร็จวิชากสิณไฟ สามารถเพ่งจนเกิดไฟลุกได้อย่างน่าอัศจรรย์ หรือสามารถเพ่งตะกั่วโลหะด้วยสายตาจนตะกั่วหรือโลหะนั้นหลอมละลายตัวลง ในตำรามักกล่าวว่าท่านมีพระเนตรที่ 3 อยู่กึ่งกลางหน้าผาก หากเนตรที่สามหรือตาที่สามนี้ลืมขึ้นเมื่อใดจะเกิดไฟประลัยกัลป์ขึ้นเมื่อนั้น คล้ายกับพระอิศวรที่มีเนตรที่สามเช่นกัน ดังนั้นครูบาอาจารย์บางท่านเชื่อถือกันว่า พระฤาษีตาไฟผู้เป็นบรมครูนี้หาใช่ใครอื่นไม่ น่าจะเป็นการอวตารภาคของพระอิศวรในภาคบรมครูผู้สั่งสอนทางธรรมก็เป็นได้
บรมครูปู่ฤษีตาไฟ นับเป็นบรมครูชั้นสูงอีกพระองค์ของไทยเรามีนามปรากฏอยู่หลายแห่งด้วยกัน อานิสงส์ของการได้ครอบ     เศรียรปู่ฤาษีตาไฟนั้น นำความสุขความเจริญ ความมั่งคั่งร่ำรวย มาสู่ตัวผู้นั้น ที่สำคัญ คือ อำนาจจากการตบะบารมีของพ่อปู่ฤาษีตาไฟนั้นจะผลาญสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายในชีวิตให้สิ้นไป ทั้งยังเป็นรัศมีอันแรงกล้าคอยคุ้มครองให้พ้นจากอำนาจคุณไสยมนต์ดำ ยังแสงสว่างให้บังเกิดในดวงชะตา เป็นสง่าราศีดั่งพระอาทิตย์พระจันทร์ ความน่าอัศจรรย์ประการหนึ่งของพระฤษีตาไฟผู้มีจักษุทิพย์ที่สามกลางหน้าผาก คือ เรื่องของญาณหยั่งรู้เหนือมนุษย์ ซึ่งเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดอานิสงส์สำคัญในยามที่ผู้นับถือทางโหราศาสรตร์ ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ทั้งปวง ได้รับการครอบเศียรปู่ฤาษีตาไฟ เพราะอำนาจจากการตบะแห่งดวงตาที่สามที่นอกจากเป็นแรงคุ้มครองสิ่งชั่วร้ายแล้ว ยังก่อให้เกิดญาณหยั่งรู้ภายในตัวอีกด้วย ผู้ที่เป็นนักพยากรณ์หรือสนใจในศาสตร์นี้เมื่อได้รับครอบแล้วมักจะมีความรู้แปลกๆเกิดขึ้น มีญาณสัมผัสที่แม่นยำขึ้น แต่ความสามารถนี้ก็มิได้เกิดกับผู้ที่ร่ำเรียนทางโหราศาตร์เท่านั้น แม้ผู้ที่ศรัทธาท่านอื่นๆที่มีความสนใจในศาสตร์ที่เร้นลับ และหากยิ่งเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้วด้วยก็ยิ่งเกิดความสามารถทางจิตในเชิงนี้ได้เร็วและดียิ่งๆขึ้นไปอีก
พลังแรงครูจะคอยคุ้มครองให้โชคลาภ เอื้ออำนวยประโยชน์สุขทุกๆด้านของชีวิตท่าน จึงขอให้มั่นใจได้ว่าด้วยเดชแรงครูนั้นจะคอยคุ้มครองและอำนวยพรให้ท่านมีความสุข ความเจริญตลอดกาลนานไป.......


ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)







Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment