Saturday, October 30, 2010

การป้องกันไม่ให้สูญเสีย….พลังแสงกายทิพย์ (aura power)

การป้องกันไม่ให้สูญเสีย….พลังแสงกายทิพย์ (aura power)
โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...เทียนพลังทิพย์
อาจารย์  อันติกา อริยชวัล

สวัสดีค่ะ...ท่านผู้ชมทางเวป หลังจากที่อาจารย์ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับ เทียนพลังทิพย์ มีลูกศิษย์หลายคนที่ได้เข้าครอส์การจุดเทียนพลังทิพย์ เพื่อสร้างแสงกายทิพย์ มีหลายๆคนที่มีการพัฒนาพลังงานแสงกันอย่างมาก จึงทำให้บทเรียนแต่ละบทน่าสนใจค่ะ   ท่านผู้ชมจะได้ศึกษาจากบทความแต่ละท่าน ที่ได้ให้ความกรุณากับอาจารย์ในการส่งความรู้จากประสบการณ์จริงๆให้แก่ทุกท่าน...ที่สนใจในการสร้างแสงกายทิพย์ เพื่อดึงดูดสิ่งที่ปรารถนากันน่ะค่ะ...
หลังจากได้มีคำถามกันเข้ามามากมาย เกี่ยวกับการสร้างแสงกายทิพย์ และการป้องกันแสงให้อยู่กับตัวเราได้ตลอดไป...

เนื่องจากว่าสภาวะของคนเราทุกคนประสบการสูญเสียพลังให้กับผู้อื่นหรือสถานการณ์แวดล้อม เช่น หลังจากคุยโทรศัพท์แล้วจะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง   หรือหลังจากคุยกับใครสักคนเรารู้สึกเหนื่อยใจเช่นกัน นี้แหละค่ะ ว่าเรารู้สึกสูญเสียพลังไปทั้งหมด รู้สึกปวดท้อง รู้สึกปวดหัว เป็นต้น
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการสูญเสียพลังในตัว เพราะคนบางคนจะดึงดูดหรือดูดพลังของผู้อื่น เหตุที่เกิดการดูดพลังกัน เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ค่อยรู้ตัว ในหลายกรณีเป็นการใช้พลังแสงกายทิพย์ของเราเพื่อเสริมให้กับคนใกล้ชิดมากกว่าที่เขาจะสร้างได้เอง เช่น เขาจะรู้สึกว่าเมื่อพูดคุยกับเราหรืออยู่กับเราแล้ว เขารู้สึกดีขึ้น นี้แหละค่ะ เป็นการส่งพลังแสงกายทิพย์ ของเราให้กับเขา ถ้าเขาอยากจะคุยกับเราเรื่อยๆไป แต่เราก็ไม่ยอมให้เขาทำกับเราเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องโทษเขาที่มาดูดพลังแสงของเรา เหมือนค้างคาวดูดเลือด หรือบอกเขาว่า ต่อไปเราจะไม่พูดกับเขาอีก เพราะเขาจะต้องมาดูดพลังของเราไป ถ้าเราทำเช่นนี้ เขาคงคิดว่าเราไม่ชอบขี้หน้าเขา แล้วปัญหาของเราก็หมดไปด้วยการที่เขาไม่พูดกับเราอีกต่อไป แต่ลึกๆแล้วไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคุยกับเขา เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักพลังที่มองไม่เห็นนี้ โทษใครไม่ได้เลยค่ะ...

อย่างไรก็ตามถ้าเราคิดอย่างนี้ ต่อไปก็ไม่สามารถทำงาน หรือติดต่อกับใครได้เลย   การแก้ไขสถานการณ์โดยไม่พูดเรื่องนี้ง่ายกว่า อาจารย์จะสอนให้เราควบคุมพลังแสงกายทิพย์ เพื่อสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น วิธีที่ใช้ดีที่สุด คือ การปิดวงจรพลังของเราเสียน่ะค่ะ... เพราะเรามีกระแสพลังไหลเวียนผ่านร่างกายและรอบตัวภายในแสงกายทิพย์ของเราได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังของเราถูกดึงออกไปข้างนอก และไม่ให้แสงกายทิพย์ของเราเสียสภาพแสงที่ดี

ขอให้คุณดูรูปภาพนี้น่ะค่ะ จะเห็นว่าเป็นการนั่งไขว่ข้อเท้าและนำนิ้วมือแตะเข้าหากัน (ขอให้นำนิ้วชี้และนิ้วโป้งแตะให้ชิดกันเหมือนรูปสามเหลี่ยม) วรจรของพลังแสงกายทิพย์ของเราก็จะได้ปิดลงได้ พลังของเราก็จะไม่ออกไปข้างนอกได้หรือให้ใครมาดึงดูดพลังของเราออกไปได้
เมื่อเราพบเจอกับคนที่มีการดูดพลังอีก ขอให้ทำท่านี้เอาไว้ โดยเพียงแต่วางมือบนตัก แตะปลายนิ้วเข้าหากันและไขว้ข้อเท้า ซึ่งเป็นท่าที่ทำง่ายๆและสบายๆ และคนอื่นก็ไม่สงสัยด้วย ....   และถ้าคุณป้องกันพลังแบบนี้ คุณจะได้ยินการพูดวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่เขาไม่สามารถดูดพลังทำให้จิตใจของคุณเศร้าหมอง กังวลใจไปกับเขา เช่น เขามักพูดว่า “เธอไม่ดีกับฉัน” “เธอไม่เปิดกว้างอย่างที่เคย” “ฉันว่าเธอโกรธฉันอยู่น่ะ”เมื่อเขาอยู่เหนือเราไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดกับเราอย่างไร เราก็ไม่วิตกกังวลไปกับคำพูดของเขา เพราะถ้าจิตใจของเราเป็นปกติ ไม่กังวลกับคำพูดของคนที่เข้ามาดูดพลัง ทำให้เราวิตกกังวลไม่ได้แสดงว่าเราสามารถที่จะควบคุมพลังแสงกายทิพย์ได้ดีขึ้น...

แต่ว่าการสร้างแสงกายทิพย์นั้น   ถึงอย่างไรพลังแสงก็จะต้องโดนดึงดูดไปกับสภาวะแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลต่างๆ แสง เสียง อากาศทั้งหมดก็มีส่วน
สังเกตได้จากถ้าเราเดินอยู่ในสวนที่มีต้นไม้ ดอกไม้เรารู้สึกสดชื่น สบายใจ แต่ถ้าเราทำงานที่มีผู้คนมีจิตใจต่อสู้ ชิงดีชิงเด่นกัน พลังคอมพิวเตอร์ ทำให้แสงกายทิพย์ของเราสูญสิ้นได้หมดเหมือนกัน เพราะแม้ว่าเราจะป้องกันตามข้างต้นแล้ว

หลังจากทำงานแล้วกลับเข้าบ้าน ก่อนนอน หรือเวลาที่เราว่าง ควรเข้าชารต์พลังแสงกายทิพย์ โดยการจุดเทียนพลังทิพย์ไปได้ตลอด หลังจากนั้น ตัวคุณจะรู้สึกสดชื่นเหมือนได้พักผ่อนเต็มที่ โดยเฉพาะการเข้าแสงกายทิพย์นั้น การหายใจที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แสงกายทิพย์มีพลัง เราต้องใช้จมูกในการสูดเอาพลังให้พลังจากแสงเทียนพลังทิพย์เข้าไปและล้อมกายเนื้อของเรา  คนมากมายมีสุขนิสัยในการหายใจที่ไม่ดี... โดยไม่รู้ว่าการหายใจผ่านรูจมูกเป็นธรรมชาติและทำให้สุขภาพดี แต่ปัจจุบันนี้มีคนหายใจทางปากกันเยอะมาก ทำให้มีโอกาสรับเชื้อโรคได้ง่าย ทำให้พลังแสงกายทิพย์ที่สร้างมาแต่เกิดนั้นน้อยลงหรือหมดได้ จึงทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เพราะระหว่างปากกับปอดไม่มีอวัยวะกรองอากาศ ฝุ่น ละออง และสารไม่บริสุทธิ์อื่นๆจึงเข้าไปในปอดได้ง่าย... นอกจากนี้การหายใจทางปากยังทำให้อากาศเย็นเข้าไปในปอด ซึ่งจะก่ออวัยวะเพื่อการหายใจนั้นเกิดการอักเสบได้ง่าย .... แต่การหายใจด้วยรูจมูกจะทำให้ระบบพลังงานของเรามีชีวิตชีวาขึ้น จมูกจะซึมซับเอา “ปราณ” คำว่าปราณ ก็คือพลังที่สำคัญในชีวิตของเรา ปราณจากอากาศเป็นเสมือนพลังชีวิตที่ก่อเกิดในอากาศ มีเทคนิคการหายใจของชาวตะวันออกมากมายที่ต้องใช้การตั้งจิตตรงปลายจมูกและช่องลมในระหว่างการหายใจ ช่วยเพิ่มการดูดซับปราณ เสริมพลังให้แสงกายทิพย์และกระตุ้นระบบพลังงานในร่างกายได้ทำงานเต็มที่...

รูจมูกและทางเดินลมหายใจมีขนเพื่อกรองอากาศ และยังทำให้อากาศอุ่นขึ้นด้วยเยื่อเมือก เพื่อปรับให้อากาศมีสภาพเหมาะกับปอดซึ่งเป็นอวัยวะที่บอบบาง การหายใจเข้าจึงเป็นการเสริมพลังให้กับแสงกายทิพย์ของเราได้อย่างดี..

ในศาสตร์วิชาโยคะ มีการฝึกหายใจที่เรียกว่า “ไอดา” หรือการหายใจแบบพระจันทร์ และ “พิงกาละ” หรือการหายใจแบบพระอาทิตย์ และความสมดุลของการหายใจเรียกว่า  “สุสุมนา” (Susumna) สรุปง่ายๆว่าพลังของเราจะมีลักษณะขั้วบวกและขั้วลบ ชายและหญิง   พระอาทิตย์พระจันทร์
สรุปได้ว่าการป้องกันพลังแสงกายทิพย์ของเรา หลักสำคัญก็คือต้องมีสติในการพูด การคิด ความรู้สึกตลอดน่ะค่ะ ถ้าเรารู้สึกกับเขาคนนั้นไม่ดีแล้ว แสดงให้เห็นว่าแสงกายทิพย์ได้บอกอะไรให้เรารู้สึกๆในใจ ขอจงเชื่อความรู้สึกภายในจิตใจของตัวเองเถิดค่ะ เพราะไม่แปลก ไม่ใช่ว่าคุณมองใครในแง่ร้าย เพราะแสงของเขาที่สะท้อนให้เราเห็นบรรยายเป็นภาพได้เลยค่ะ

อาจารย์หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังรักษาแสงกายทิพย์ ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขกับพลังกายแสงที่ให้มากๆน่ะค่ะ....

ด้วยรักและปราถนาดี
ธูปพลังรัก อาจารย์อันติกา อริยชวัล...


Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment