Thursday, November 18, 2010

มีรักแล้วทำไมต้องทุกข์...

มีรักแล้วทำไมต้องทุกข์...

โดย ธูปพลังรัก...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)





สมัยที่อาจารย์เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม พอได้ยินคุณครูมักสอนว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” และนึกในใจว่า “ถ้าอย่างนั้นเรามาเกียดกันดีกว่า  สังคมจะได้มีความสุข” พอโตแล้วถึงเข้าใจว่ายิ่งเกลียดกันกลับยิ่งทุกข์หนักกว่า แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ารักกันแล้วมันก็ต้องทำให้มีความสุขสิ.... มันจะทุกข์ได้ยังไง

พอเข้าวัยหนุ่มสาว มีประสบการณ์อกหัก....ก็เข้าใจอีกขั้นหนึ่งว่า “เมื่อมีความรักนั้นมีความสุข แต่เมื่อผิดหวังกับความรักจะทำให้เกิดความทุกข์” แต่ก็สังเกตว่าคู่ที่เขายังรักอยู่ มักก็ใช่ว่ามีแต่สุข 100%
         
จนปัจจุบันมาเป็นธูปพยากรณ์ ถึงรู้คำว่า “ความรัก” นั้นแบ่งเป็น 2 อย่าง คือเสน่หา กับเมตตา ..... หนุ่มสาวรักกันแบบเสน่หาแต่พ่อแม่รักลูกแบบเมตตา อาจารย์จึงยกระดับความเข้าใจขึ้นมาอีกว่า “ความรักที่ก่อให้เกิดทุกข์นั้น คือรักแบบเสน่หาแต่ความรักแบบเมตตาทำให้เกิดความสุข”
     
เพราะฉะนั้น ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกจะสร้างความสุขในครอบครัว... แต่ที่ไหนได้ทุกวันนี้พ่อแม่เป็นทุกข์กันมากมายรวมทั้งลูกๆเองก็ถูกทำร้ายจากความรักของพ่อแม่ด้วย
แต่อาจารย์ว่า ความรักปัจจุบันนี้ ความรักไม่ว่าจะเมตตาและเสน่หาทำให้ทุกข์ทั้งคู่ได้ เพียงว่าจะมีเหตุปัจจัยเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ความเสน่หา เป็นทุกข์เพราะความผูกพันและหึงหวง
ความเมตตา เป็นทุกข์เพราะความห่วงใยและความคาดหวัง
1.ความผูกพันอยู่ใกล้ใจก็มีความสุข อยู่ห่างกันใจก็คิดถึง เป็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงจิตใจสองดวงให้ใกล้ชิด...ถึงตัวห่างไกลแต่ใจไม่ห่างกัน   ไอ้ที่มันเป็นความทุกข์นั้นเพราะคิดถึงนี่แหละ...คนที่กำลังมีความรักบางคนทำตัวเหมือนพวกวิญญาณไม่อยู่กับร่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “หายใจเข้าก็เธอ.. หายใจออกก็เธอ” มันก็เลยเรียนหนังสือทำงานไม่รู้เรื่อง แทนที่จะหายใจเข้าออกยุบหนอพองหนอ อย่างนี้ใจถึงมีสมาธิ
ซึ่งคนที่กำลังอยู่ในห้วงรักเหวลึก มักมีการเปลี่ยนแปลงทางสารเคมีในสมองไม่แตกต่างจากคนไข้โรคย้ำคิดย้ำทำ ทำอะไรก็เห็นหน้าแฟนโผล่เข้ามาใจมโนภาพตลอดมา
   
2.ความหึงหวงเราเสน่หาใครแล้วมันก็เกิดความรู้สึกยึดถือเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ “ตัวกูของกู- ตัวมึงก็ของกู”
พอรู้ว่าแฟนเราเป็นใจให้คนอื่นหรือมีคนอื่นมาตีสนิท ก็บังเกิดความโกรธเกรี้ยวตามมา... มักมีข่าวหน้านสพ. “รักต้องฆ่า” ก็ไม่พ้นเหตุนี้ เหตุที่เราไปสร้างเงื่อนไขในใจว่า “เขาต้องมั่นคงในความรักที่มีต่อเรา จะเปลี่ยนแปลงหรือปันใจไปเป็นอื่นมิได้” มันก็เลยเป็นทุกข์เพราะความยึดถือ
3.ความห่วงใยเป็นเหตุของทุกข์ตัวที่หนึ่งของความรักแบบเมตตา...ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนเกิดขึ้นกับคนที่เราไม่รู้จัก ไม่รัก ไม่เกี่ยวข้องเราก็ไม่รู้สึกรู้สากับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเขา แต่ถ้าเขาคนนั้นเป็นลูก พี่น้อง พ่อแม่ ญาติหรือลูกศิษย์ ฯลฯ  ที่เรารักมันก็วางใจให้นิ่งได้ยากเมื่อเกิดเรื่องไม่ดีกับเขา

4.ความคาดหวัง
ความคาดหวังที่เกินความเป็นจริงจะนำไปสู่ความผิดหวังและความขัดแย้ง... เมื่อลูกมีผลการสอบไม่ได้ดั่งใจ หรือคิดว่าเขาจะต้องเอาใจรู้ใจเราตลอดเวลา แต่ถ้าไม่สนใจเราก็เกิดเรื่องทะเลาะกันได้
ความรักที่อาจารย์แยกเกิดมาให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจว่าในที่สุดเมื่อมีความรักก็ต้องมีความทุกข์ แต่ถ้าไม่ต้องการให้ความรักเป็นทุกข์นั้น คือสิ่งที่ศาสนาพุทธเรียกว่า “พรหมวิหารธรรม
มี 4 ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

ปัจจัยสุดท้าย คือ “การปล่อยวาง” หลังจากที่เราได้ทำดีที่สุดแล้ว และยอมรักสิ่งที่เกิดขึ้น ใจของผู้ให้ย่อมไม่เป็นทุกข์ถ้อยคำของพระพุทธองค์ทรงเรียกว่า “อุเบกขา” นั้นเอง


ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)









Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment