Tuesday, November 16, 2010

คุณเชื่อหรือไม่ว่า มนุษย์มีกายที่สอง...

คุณเชื่อหรือไม่ว่า มนุษย์มีกายที่สอง...

พลังแสงกายทิพย์.....
โดย
Master  Antiga   Ariyachawul



      


คนเราทุกคนจะมีกายที่สอง กายนี้มีลักษณะโปร่งใสเป็นประกายระยิบระยับเป็นกายแฝดที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดจนตาย และกายนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักค้นคว้า หรือผู้ที่สนใจใฝ่รู้ในเรื่องศาสตร์เร้นลับหรือไสยศาสตร์ ซึ่งคำพูดนี้เป็นวาทะของโยคีที่มีสาวกนับจำนวนพัน ที่พากันมาฟังกันด้วยความศรัทธาและเลื่อมใสอย่างจริงใจ
ที่จริงแล้วเรื่องโยคีเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจจริงๆน่ะค่ะ อาจารย์นำบทความนี้มาให้ชาวเวปและลูกศิษย์ที่สนใจที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ นับว่าเป็นบทความหาอ่านยาก นอกจากในเวปไซด์ของที่นี้เท่านั้น...



ท่านโยคีรามจรกะ ผู้ได้เขียนศาสตร์แห่งลมปราณและหะธะโยคะที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก
โยคีราจรกะ ได้กล่าวถึงกายที่สองของคนเราต่อไปว่า มนุษย์มีความลึกลับซับซ้อนมากว่าที่เราคิดมากมาย มนุษย์ไม่เพียงแต่จะมีร่างกาย(กายจริง) และจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ในตัวมนุษย์เองยังมีเจตภูตหรือมีกายที่สองแฝงอยู่เป็นเงาตามตัว วิญญาณของคนเรานั้นมีสื่อหรือพาหนะพาไปหลายอย่างและสื่อทั้งหลายนั้นก็จะมีระดับความเข้มมากน้อยแตกต่างกันไป สื่อหรือพาหนะอาจแสดงออกมาทางร่างกาย(กายจริง) หรืออาจแสดงออกมาทางกายที่สองหรือที่เรียกว่า “กายทิพย์”เป็นต้น

กายทิพย์เป็นที่รู้จักของชนทุกชาติเพียงแต่เรียกชื่อที่แตกต่างกันไป เช่น เรียกว่าอีเทียเรียล บอดี (ETHEREAL-BODY)ฟลูอิดดิค บอดี้ (FLUIDIC-BODY)ดับเบิล (DOUBLE)เรท(WRAITH)
ด็อพเพลแกงเกอร์ (DOPPELGANGER) เป็นต้น
กายทิพย์เป็นกายที่ละเอียดที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อาจเปรียบเทียบได้กับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงของน้ำในทางวิทยาศาสตร์ที่มีสถานภาพเป็นของแข็ง เมื่อได้รับความร้อนหรืออุณหภูมิสูงขึ้นก็เปลี่ยนสถานภาพเป็นของเหลว และเปลี่ยนสถานภาพระเหยเป็นไอหรือก๊าซซึ่งยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่าเด่นชัด ต่อเมื่อมันกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำเราถึงจะมองเห็นได้เด่นชัดขึ้น


     
กายทิพย์หรือกายแฝดของเราแยกออกจากกันเมื่อใด?
ท่านโยคีรามจรกะกล่าวว่า มันจะแยกขาดออกจากกันในสภาวะวิกฤตเท่านั้น ตามปกติมันจะแยกออกจากกันยากมาก ยกเว้นผู้ที่มีสมาธิแก่กล้า สามารถบังคับถอดกายทิพย์เดินทางออกไปท่องเที่ยวในระยะไกลได้ หรือแม้แต่คนปกติบางคนก็ตกอยู่ในสภาวะนอนหลับสนิทจริงๆ บางครั้งกายทิพย์ก็แยกออกไปชั่วขณะ ทำให้ฝันว่าได้เดินทางไปยังที่ต่างๆที่ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินได้ฟังมาก่อน
บางทีหลังจากคนเราตายแล้ว กายทิพย์ของบุคคลนั้นอาจแปรสภาพเป็นกายจริงให้เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า “ผีหรือปีศาจ(GHOST)”นั่นเองและโดยทั่วไปผู้พบเห็นมักจะเป็นเพื่อนหรือญาติมิตรที่ใกล้ชิดกันเท่านั้น
แม้ว่ากายทิพย์หรือกายที่สองของคนเราจะมองไม่เห็น แต่เราก็สามารถรับรู้ได้จากการนั่งทางใน นั่งสมาธิ ด้วยพลังจิตแก่กล้า ภายใต้สภาวะที่สงบนิ่ง มั่นคง และแน่นอน และในช่วงที่เกิดสภาวการณ์สงบนิ่งทางจิต กายทิพย์ของผู้ที่มีชีวิตอยู่นั้นในบางครั้งอาจมองเห็นได้ และผู้ที่เห็นมักจะเป็นเพื่อน หรือบุคคลที่เป็นญาติสนิทเช่นเดียวกัน


กล่าวกันว่าผู้ที่มีพลังจิตสมาธิแก่กล้า ซึ่งผ่านการฝึกฝนหรืออบรมจิตมานาน สามารถบังคับการถอดกายทิพย์ของตนเองได้ราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ยากสำหรับบุคคลทั่วไป เนื่องจากขาดประสบการณ์ในการฝึกอบรมหรือผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านการฝึกมาก็ยังทำได้บ้างไม่ได้บ้างหรือทำได้บางขณะเท่านั้น
ในช่วงที่คนใกล้ตาย ผู้ที่มีสมาธิจิตแก่กล้าจริงๆจะสามารถมองเห็นกายทิพย์แยกตัวออกจริงของบุคคลนั้นลักษะณะอาการจะค่อยๆลุกขึ้นลอยอยู่ข้างบน และมีสายใยบางเบาผูกติดกันอยู่ ครั้นสายใยนี้ขาด บุคคลนั้นก็จะตายทันที และวิญญาณจะลอยออกจากร่างไปพร้อมๆกับกายทิพย์ ขอให้ตระหนักว่า กายทิพย์คือ พาหะหรือสื่อที่นำเอาวิญญาณออกไปจากร่างของคนตาย
กายทิพย์นั้นก็มีลักษณะเช่นเดียวกับกายจริง ครั้นบุคคลนั้นสิ้นชีวิตแล้วกายทิพย์ก็จะสลายตัวไป แม้แต่ในขณะที่ศพถูกนำไปฝังในหลุม ผู้ที่มีสมาธิสูงก็สามารถมองเห็นการสลายตัวรอบๆหลุมฝังศพนั้นเป็นแสงสีม่วง
อาจารย์อยากบอกท่านว่าปราฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นว่า เป็นปรากฏการณ์ที่คล้ายๆกับบุคคลนั้นนอนหลับหรือฝันไป และอยากจะบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหลับ รวมทั้งการปฏิบัติงานของกายทิพย์ที่ออกจากกายจริงไปสัมผัสกับสิ่งต่างๆในอีกมิติหนึ่งก็ได้.......








Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment