Friday, November 12, 2010

การสะเดาะเคราะห์ด้วยการทำบุญตักบาตร ...

การสะเดาะเคราะห์ด้วยการทำบุญตักบาตร

โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)

การสะเดาะเคราะห์ด้วยการทำบุญตักบาตร โดยทั่วไปมักทำระหว่างที่คนๆนั้นกำลังเกิดเคราะห์ จะเคราะห์หนักเคราะห์เบาก็แล้วแต่ ควรตักบาตรด้วยตัวเองหรือหากตัวเองป่วยเพราะไม่สามารถตักบาตรได้ อาจให้ญาติ พี่น้อง ตักบาตร ให้ก็ได้ เมื่อเกิดเคราะห์ขึ้น เช่นขับรถชนสุนัขที่กำลังข้ามถนนให้สุนัขตายและตัวเองบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ตัวเองไม่สบายใจ เกิดความกังวล เกิดความกลัว จึงไปทำบุญตักบาตรเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้กับตัวเอง และเป็นการทำบุญอุทิศไปให้กับสุนัขที่ตายไป รวมถึงการบอกกล่าวขออโหสิกรรม “ขออย่าให้อาฆาตพยาบาทต่อกันเลย   เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ” การกล่าวเช่นนี้ หลังจากทำบุญตักบาตรจะช่วยให้ใจสบายขึ้น


ความหมายของการทำบุญตักบาตร

ความหมายตามหลักพุทธศาสนาหมายถึง   การถวายอาหารแด่พระภิกษุ สามเณร รูปเดียวหรือหลายรูป จะปฏิบัติเป็นประจำ หรือเป็นครั้งคราวก็ได้ การตักบาตรเป็นประจำได้แก่การตักบาตรทุกเช้า ส่วนการตักบาตรเป็นครั้งคราวอาจทำเฉพาะวันพระ จะเป็นวันพระใหญ่หรือวันพระเล็กก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการตักบาตรในวันเกิดตนเองตามอายุ เช่นอายุ 30 ปี ก็ตักบาตรพระ 30 รูป
วัตถุประสงค์ของการตักบาตร
นอกจากจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการให้ทานเพื่อบูชาคุณแล้ว

ยังมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังต่อไปนี้

1.ธำรงส่งเสริมและสืบทอดพระพุทธศาสนา
2. ส่งเสริมและบำรุงพระภิกษุสามเณร ผู้ทรงศีล ทรงธรรม
3. ส่งเสริมคุณความดีของผู้ปฏิบัติ ทั้งผู้ตักบาตรและพระภิกษุสามาเณรผู้รับบิณฑบาต

ด้วยเหตุผลดังกล่าวการตักบาตรจึงเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ เพราะเป็นการให้กำลังแก่พระภิกษุสามเณร ทำให้พระภิกษุสามเณรไม่ต้องกังวลกับเรื่องอาหาร ทำให้พระภิกษุสามเณรได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้เต็มที่ เพื่อจะนำธรรมะมาเผยแพร่ต่อประชาชนเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรสืบไป

ความเป็นมาของการทำบุญตักบาตร


เมื่อครั้งพุทธกาล คราวที่พระพุทธองค์ทรงผนวชใหม่ๆ ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงประทับที่สวนมะม่วงแห่งหนึ่งพระองค์เสด็จบิณฑบาตผ่านกรุงราชคฤห์เมืองหลวงของแคว้นมคธ ชาวเมืองเห็นพระมาบิณฑบาตก็ชวนกันนำอาหารมาตักบาตรเป็นครั้งแรก นับแต่นั้นมา การตักบาตรจึงถือเป็นประเพณีมาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆประทับอยู่ที่ควงไม้เกด มีพ่อค้า 2 คน นำข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง ซึ่งเป็นเสบียงสำหรับเดินทางเข้าไปถวาย พระพุทธองค์ทรงรับไว้ด้วยบาตร จึงเป็นที่มาของการทำบุญตักบาตรตั้งแต่นั้นมา...

คำอธิษฐานในการตักบาตร
จะใช้ภาษาบาลีหรือภาษาไทยหรือใช้ทั้งสองภาษาก็ได้ ดังนี้

“สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ”
แปลว่า ทานของเราให้แล้วด้วยดี ขอจิตข้านี้จงสิ้นอาสวกิเลสเทอญ ....

เมื่อทำบุญตักบาตรแล้ว เพื่อความสบายใจว่าผลบุญจะได้ไปถึงบุคคลและสัตว์ที่ล่วงลับไปแล้ว ผู้สะเดาะเคราะห์จะมีการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลตาม การกรวดน้ำนี้สามารถทำได้ด้วยตัวเองพร้อมกับคำกรวดน้ำอย่างย่อที่จำได้ง่าย เมื่อกรวดน้ำเสร็จแล้วก็นำน้ำนั้นไปเทรดต้นไม้

คำกรวดน้ำ   แบบย่อ

“อิทัง เม   ญาตินัง   โหตุ”
แปลว่า ขอส่วนแห่งบุญกุศล จงสัมฤทธิ์ผลแก่ญาติข้าดั่งตั้งใจผลบุญที่ได้จากการใส่บาตร

เมื่อผู้ใดได้ใส่บาตร บุญที่ทำจะส่งผลถึงบรรดาวิญญาณต่างๆที่อยู่ในนรกได้รับส่วนบุญนั้น ต่างอำนวยพรให้แก่ผู้ที่ใส่บาตรให้ได้รับผลบุญในชาติที่ทำ จะเป็นคนมั่งมีศรีสุขพ้นจากฐานะอันยากจนมีความเจริญก้าวหน้า มีฐานะระดับเศรษฐีและเมื่อสิ้นไปแล้วก็จะได้เกิดเป็นเทวดาสุขสบายอยู่บนสรวงสวรรค์

ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)













Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment