Saturday, November 13, 2010

การกรวดน้ำตัดกรรม...

การกรวดน้ำตัดกรรม...

โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)

สวัสดีค่ะ.....  ท่านผู้ชมทางเวปทุกท่าน อาจารย์ยินดีอย่างมาก...ที่วันนี้ได้นำเสนอ บทความที่เกี่ยวข้องกับการตัดกรรม  ..... โดยเฉพาะเรื่องการกรวดน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวไทยของเราได้ยึดถือว่าตั้งแต่โบราณ มายาวนานมาก แต่ยาวนานแค่ไหน ยังไม่มีใครทราบ..

วันนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี อาจารย์นำการกรวดน้ำตัดกรรมมาให้เพื่อนชาวเวปได้มีความรู้ และได้แก้ปัญหากรรมเวร
ได้อย่างเฉียบพลัน...


เรื่องการกรวดน้ำนั้น หาใช่เป็นศาสนา เพราะตามความเป็นจริงการกรวดน้ำมีมาก่อนที่พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมทั้งปวงด้วยซ้ำ หรือก่อน 2,547 ปี มาแล้ว
วันนี้อาจารย์มีเรื่องเล่ามาจากการอ้างอิงในพระไตรปิฎก ย้อนหลังตามพุทธประวัติ เมื่อพระองค์ผจญมารกับพวกอีกห้าร้อยตนได้เดินทางมาที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่บนรัตนบัลลังก์แก้ว
พญามาร ได้กล่าวกับพระพุทธองค์เกี่ยวกับเรื่องสถานที่นั้น ในลักษณะหาเรื่อง....
“ไอ้โล้นเอ๋ยจงฟังข้า ที่ตรงนั้นเป็นของข้า เจ้าจงลุกออกไปเสียโดยเร็ว”  พระพุทธองค์ทางสงบสำรวมในวิหารธรรมของพระ หาได้สนใจไม่ กระทั่งพญามารกล่าวอยู่อย่างนั้นสามครั้ง พระพุทธองค์จึงได้ตรัสกลับไปด้วยความสงบว่า
“ดูก่อนพญามาร ที่ตรงนี้เป็นของตถาคตมิใช่ของผู้ใด”
“ที่ตรงนั้นเป็นของเรา พวกของเราทั้งห้าร้อยตนนี้สามารถเป็นพยาน”
“ไอ้โล้นเอย จงฟังข้า เจ้ามีพยานหลักฐานใดกันหนอที่กล่าวว่าที่ตรงนี้เป็นของเจ้า” พระพุทธองค์อยู่ในอิริยาบถสมาธิวิหารธรรมอันสงบ ค่อยๆขยับพระหัตถ์ขวาออกจากหน้าตัก คว่ำมือ แล้วมาพาดลงตรงที่เข่า ปลายนิ้วจรดแผ่นดินแล้วตรัสว่า
“ที่แห่งนี้เป็นของตถาคตด้วยอำนาจแห่งบารมีที่บำเพ็ญ
มาทุกภพ ทุกชาติที่เป็นบารมี อุปปารมี และปรมัตถบารมี บารมีทั้งสามสิบทัศ ขอแม่ธรณีจงขึ้นมาเป็นพยานแก่ตถาคต”
จากนั้นแผ่นดินเลื่อนลั่น แม่ธรณีได้ผุดโผล่มาจากพื้นดิน ถวายบังคมนมัสการพระพุทธองค์แล้วจึงกล่าวกับพญามารและพวกว่า
“เจ้ามารร้าย จงฟังข้า...ที่ตรงนี้เป็นของตถาคตผู้ตรัสธรรมหมดกิเลสอย่างสิ้นเชิง เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจด พระองค์บำเพ็ญบารมีจนเต็มทุกภพทุกชาติ ทุกครั้งที่ทรงบำเพ็ญมหากุศล ทรงหลั่งน้ำลงบนแผ่นดิน(กรวดน้ำ)
 ซึ่งเราธรณีเรารู้..และรับทราบมา..โดยตลอดทุกครั้งไป
น้ำแห่งมหากุศลที่พระองค์ทรงหลั่งลงพื้นดินนี้มีมากมหาศาลนับสุดจะพรรณนา”

“มากขนาดนั้นเชียว ...โธ่ข้าไม่เชื่อดอก”
“หากเจ้าไม่เชื่อ เราจะขยับจับผมมวยของเรา บีบคั้นมัดเป็นเกลียวแล้วเจ้าจะรู้เองว่าน้ำที่พระองค์ทรงหลั่งลงพื้นธรณี นั้นมากเพียงไหนที่อยู่บนผมของเรา”
จากนั้นพระแม่ธรณีได้แก้มวยผมที่รัดเกล้านั้นออกปล่อยสยายแล้วรวบบีบมวยบิดไปมา น้ำจากผมของแม่ธรณีไหลออกมาอย่างรวดเร็วมากถึงกับเป็นมหาสมุทรท่วมล้น ทำเอาพญามารและพวกต้องลอยคออยู่ในห้วงมหาสมุทรนั้นอยู่นาน ก่อนที่จะอาศัยฤทธิ์เหาะหนีไป ปล่อยให้พวกรับกรรม ส่วนพระพุทธองค์ทรงลอยอยู่เหนือศรีษะของแม่ธรณี  
เมื่อพญามารหนีไปแล้ว ....
แม่ธรณีกราบบังคมทูลลาแล้วกลับสู่ผืนแผ่นดินพร้อมสูบพวกเสนาพญามารนั้นไปทั้งหมดด้วย...

เป็นอย่างไรค่ะ ประวัติของการกรวดน้ำตัดกรรม.....
หากถามว่าการกรวดน้ำ..ตัดกรรม สามารถแผ่กุศลไปยังผู้ที่เราปราถนาจะให้ได้จริงหรือไม่  ตลอดรวมถึงเจ้ากรรมนายเวร ที่คอยจองล้างจองผลาญเรามาตลอด
ไม่ว่าจะมารูปแบบไหน ...

ถ้าเรามีความทุกข์กับเรื่องใด หรือบุคคลใด ถือว่านั้นเขา เรียกว่า เจ้ากรรมนายเวร

 อาจารย์มีเรื่องเล่าสู่กันฟัง...

 จากท่านอาจารย์หลวงพ่อสุทัศน์  โกสโล
วัดกระโจมทอง  นนทบุรี.....
ท่านเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านปฏิบัติกรรมฐานใหม่ๆ อยู่ที่นครศรีธรรมราช เมื่อพ.ศ 2506 ทุกครั้งที่ท่านไปปฏิบัติที่บริเวณเชิงตะกอน  สมัยก่อนไม่มีเมรุเผาศพ  ของทางวัดชายนา  ท่านกรวดน้ำแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งปวง  รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรและวิญญาณที่เร่ร่อนสัมภเวสี ท่านปฏิบัติอย่างนี้อยู่นานนับปี
ความรู้สึกของท่านนั้นเวลาที่เดินไปไหนมาไหนราวกับว่ามีผู้คนคอยเดินตามดูแลตลอดเวลาเป็นร้อยๆคนและเวลาที่เห็นอะไร หรือใครจะทำอะไรเหมือนมีคนคอยมาบอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์อนาคต....
เหตุที่หยิปประเด็นนี้มาให้ผู้อ่านได้เห็นถึงอานุภาพแห่งการกรวดน้ำแผ่เมตตาว่ามีมากเพียงไหน  การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการสร้างมหากุศล  เมื่อสร้างกุศลแล้วกรวดน้ำแผ่เมตตานั้นย่อมแสดงให้เห็นว่าการกรวดน้ำนั้นมีผลมาก มีอานิสงส์ใหญ่เพียงไหน
ท่านใดที่มีความทุกข์ใจไม่ว่าจะทุกข์เรื่องใดก็ตาม   หากทุกข์นั้นเกิดจากสาเหตุที่พอจะแก้ไขได้บ้างไม่มากก็น้อย  แต่ที่ทุกข์เพราะกรรมเก่าที่ตามมาผจญนี่คงจะเหนื่อยอย่างแน่นอน.....
วิธีการกรวดน้ำตัดกรรมจึงเป็นวิธีเดียวที่สามารถบรรเทาความทุกข์ที่หนักหนานั้นให้คลายลงไปได้จริง  หลายๆท่านสนใจขึ้นบ้างซิ ......
เมื่อเราทำบุญกุศลแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญตักบาตร  หรือจะเป็นการให้ทานและรักษาศีลภาวนาแล้ว  ให้ท่านทั้งหลายกรวดน้ำส่งไปให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อเป็นการตัดกรรม
ที่รู้ก็ดีที่ไม่รู้ก็ดี  ขอให้ท่านเหล่านั้นจงได้ผลบุญนี้  กรรมใดที่เบียดเบียนซึ่งกันอย่าได้มีซึ่งกันและกันอีกต่อไปเลย
นอกจากนี้ท่านจะต้องอฐิษฐานด้วย  หากว่าท่านปวดแขนขาอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้นั้น  อาจจะเกิดขึ้นจากเศษกรรมที่ท่านเคยกระทำไว้ด้วยการรังแกผู้อื่น  ดังนั้นเมื่อทำบุญแล้วควรอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป  ไม่น่าเชื่อว่าการกรวดน้ำอย่างนี้จะทำให้ท่านหายจากอาการนั้นๆ  บางคนทำแต่ความดีแต่ไม่ได้ดีอาจจะเป็นเพราะท่านเคยสร้างกรรมไม่ดีเอาไว้ในอดีตชาติ  จึงมีเศษบาปกรรมนั้นคอยตามขัดขวางความเจริญรุ่งเรือง  ไม่ให้ได้รับเงินทองในส่วนที่ควรน่าจะได้  หรือหวังได้งานได้เงินกลับไม่ได้  สิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดจากกรรมเก่า  หากได้มีการกรวดน้ำตัดกรรมแล้วจะทำให้สิ่งต่างๆ  เบาบาง  และดีขึ้นตามลำดับ
แต่การกรวดน้ำนั้นต้องตัดเกรรมเฉพาะเรื่อง
หากจะขอกรวดน้ำตัดกรรมเรื่องความเจ็บป่วยคุณต้องกรวดน้ำอธิษฐานขอให้หาย  ขอให้เจ้ากรรมนายเวรไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันในลักษณะนี้บ่อยๆ  อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป   โดยกระทำทุกวันแล้วคุณสังเกตุตัวเองดูรู้สึกเลยว่าอาการนั้นจะบรรเทา  และหายไป  หรือคนที่ทำให้ติดขัดเรื่องงาน   เรื่องความรัก เรื่องการเงิน  เรื่องถูกตามฆ่า  หรือเรื่องอะไรก็ตาม  ขอให้กรวดน้ำ..ตัดกรรม อย่างนี้ติดต่อกันแล้วจะดีขึ้นตามลำดับ  แต่ต้องทำติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง  คนโบราณว่าการกรวดน้ำ....ตัดกรรมนี้ ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องแล้วจะเห็นผลไม่เกิน 7 วัน 
ไม่ผันเป็น  7เดือน  ไม่เคลื่อนถึง  7 ปี......
การกรวดน้ำนั้นจะว่าเป็นภาษาไทยในใจก็ได้  หรือจะว่ากันตามภาษาบาลีก็สุดแท้เพราะอานิสงส์ไม่ต่างจากกัน .....
การกรวดน้ำ... คือ การตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่เราได้ทำไว้แล้วไปให้แก่ผู้ที่ล่วงลับแล้ว หรือ เจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยมีกรรมร่วมสร้างกันมา ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม.... เมื่อเรา พร้อมที่รินน้ำไหลลงไปที่พื้นดินหรือที่รองรับ แล้วเอาไปเทที่พื้นดินอีกต่อหนึ่ง หรือรดที่โคนต้นไม้ก็ได้ เหตุที่ทำเช่นนี้
เพราะพื้นดินหรือแผ่นดิน คือพระแม่ธรณี ที่ท่านจะได้รับทราบ วัตถุประสงค์ว่าเราจะปล่อยบุญไปให้ใครมั่ง...
หลายๆท่านอาจคิดว่า...ขอแค่เทลงกระถางต้นไม้ ทุกอย่างก็จบ .....จบค่ะ แต่ไม่ถึงพระแม่ธรณี แต่ถ้าท่านใดไม่สามารถกรวดน้ำลงดินได้ สามารถกรวดแบบแห้ง แต่อานิสงส์ที่ไปถึงต่างกัน เพราะ พระแม่ธรณีท่านอาจไม่ได้รับรู้ด้วย....
เพื่อให้จำง่ายไม่สับสน จึงขอแยกเป็นข้อๆ ดังนี้
1.     การกรวดน้ำ มี 2 วิธี คือ
กรวดน้ำเปียก คือ ใช้น้ำเป็นสื่อ รินน้ำลงไปพร้อมกับอุทิศผลบุญกุศลไปด้วย
กรวดน้ำแห้ง คือ ไม่ใช้น้ำ ใช้แต่สิบนิ้วพนม อธิษฐาน แล้วอุทิศผลบุญกุศลไปให้
2.     การอุทิศผลบุญ มี 2 วิธี คือ
อุทิศเจาะจง ได้แก่ การออกชื่อผู้ที่เราจะให้ท่านรับ เช่น พ่อ...แม่...ลูก...หรือใครก็ได้
อุทิศไม่เจาะจง ได้แก่ การกล่าวรวมๆ กันไป เช่น ญาติทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นต้น
ทางที่ถูก ควรทำทั้งสองวิธี คือ ผู้ที่มีคุณหรือมีเวรต่อกันมาก เราก็ควรอุทิศเจาะจงที่เหลือก็อุทิศรวมๆ
3. น้ำกรวด ควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีสีและกลิ่น และเมื่อกรวดก็ควรรินลงในที่สะอาดหรือไปเทในที่สะอาด อย่ารินลงในกระโถนหรือที่สกปรก
4. น้ำเป็นสื่อ-ดินเป็นพยาน หรือพระแม่ธรณีได้รับรู้
 การกรวดน้ำ มิใช่จะอุทิศไปให้ผู้ตายกินน้ำ แต่ใช้น้ำเป็นสื่อและใช้แผ่นดินเป็นพยานให้รับรู้ในการอุทิศส่วนบุญ
5.ควรกรวดน้ำตอนไหน    ควรกรวดน้ำทันทีในขณะที่พระอนุโมทนา แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำตอนหลังก็ได้ แต่ทำในขณะนั้นดีกว่า เพราะเหตุผล 2 ประการ คือ
-ถ้ามีเปรตญาติมารอรับส่วนบุญ ท่านก็ยอมได้รับในทันที
-การรอไปกรวดที่บ้าน หรือกรวดภายหลังบางครั้งก็อาจลืมไปผู้ที่เขาตั้งใจรับก็อด ผู้ที่เราตั้งใจจะให้ก็ชวดไปด้วย
6. ควรรินน้ำตอนไหน   ควรเริ่มรินน้ำพร้อมกับตั้งใจอุทิศในขณะที่พระผู้นำสวดว่า “ยะถา   วาริวะหาปูรา...” และรินให้หมดในเมื่อพระว่ามาถึง “มะณิโชติระโส ยะถา...” พอพระทั้งหมดรับพร้อมว่า “สัพพีติโย วิวัชชันตุ”  เราก็พนมมือรับพรท่านไปจนจบ จึงจะถือว่าถูกต้อง
7. ถ้ายังว่าบทกรวดน้ำไม่เสร็จ จะทำอย่างไร
ก็ควรใช้บทกรวดน้ำที่สั้นๆ หรือใช้บทกรวดน้ำย่อก็ได้ เช่น
“อิทัง โน ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย” ขออุทิศส่วนบุญนี้สำเร็จแก่...(ออกชื่อผู้ล่วงลับ) และญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด”
หรือใช้ภาษาไทยอย่างเดียว ก็ได้ว่า
“ขออุทิศส่วนบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ยแล้วนี้จงสำเร็จแก่ พ่อ แม่ ญาติ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงได้รับส่วนบุญกุศลครั้งนี้โดยเร็วพลัน และโดยทั่วถึงกันเทอญ”
ส่วนบทยาวๆ เราควรเอาไว้กรวดส่วนตัว หรือกรวดน้ำในขณะทำวัตรสวดมนต์รวมกันก็ได้
ข้อสำคัญ ถ้าเป็นภาษาพระ ควรจะรู้คำแปล หรือความหมายด้วย ถ้าไม่รู้ความหมายก็ควรใช้คำไทยอย่างเดียวดีกว่า เพราะป้องกันความโง่งมงายได้
8. อย่าทำน้ำสกปรก ด้วยการเอานิ้วไปรอไว้ ควรรินน้ำไหลเป็นสายไม่ขาดระยะ และไม่ควรใช้วิธีเกาะตัวกันเป็นกลุ่ม หรือเป็นทางเหมือนเล่นงูกินหาง
ถ้าเป็นงานพิธีต่างๆ ให้เจ้าภาพหรือประธาน รินน้ำกรวดเพียงคนเดียว หรือคู่เดียวก็พอ คนนอกนั้นก็พนมมือตั้งใจอุทิศไปให้
9. การทำบุญและอุทิศส่วนบุญ ควรสำรวมจิตใจ อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน ปลูกศรัทธา ความเชื่อ และความเลื่อมใสมั่นคงในจิตใจ ผลของบุญและการอุทิศส่วนบุญ ย่อมมีอานิสงส์มาก
ผลบุญที่เราอุทิศไปให้ ถ้าไม่มีใครมารับก็คงเป็นของเราอยู่ครบถ้วน ไม่มีผู้ใดจะมาโกงหรือแย่งชิงเอาไปได้เลย
10 .บุญเป็นของกายสิทธิ์ ยิ่งให้ยิ่งมาก ยิ่งตะหนี่ยิ่งน้อย ยิ่งอุทิศให้คนอื่นหมดเลย เราก็ยิ่งจะได้บุญหมดเลย....
หลังจากที่ท่านได้อ่านบความเกี่ยวกับการกรวดน้ำตัดกรรมและรู้ที่มากันบ้างแล้ว
อาจารย์นำบทความการกรวดน้ำตัดกรรม ของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต
เวลาที่ท่านไม่สบายใจหรือมีปัญหาอะไร  การกรวดน้ำเป็นวิธีหนึ่งช่วยทำให้จิตใจของท่าน....ได้คลายความทุกข์
 ความอึดอัดใจลงได้บ้าง  ยิ่งทำได้บ่อยมากเท่าไหร่ยิ่งดีมากเท่านั้น......
เวลาที่เราจะกรวดน้ำให้เตรียมแก้วน้ำมารองน้ำ หลังจากที่เราเทน้ำออกให้เป็นสายเดียวกัน
ห้ามกรวดน้ำแบบค่อยๆรินออก ถือว่าไม่เหมาะสมและการอฐิษฐานไปถึงสิ่งที่เราอุทิศส่วน
กุศลไปให้นั้นอาจติดขัดได้  ถ้าพูดยังไม่หมดแต่น้ำที่กรวดหมดแล้ว ขอให้พูดต่อไปให้จบ
เวลาที่หลั่งน้ำ  ก็เริ่ม ที่พูดว่า   "อิมินา  ปุญญะกัมเมนะ  ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศล
ที่ได้สะสมมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การรักษศีล  บริจาคทาน  บำเพ็ญ
ภาวนา สวดมนต์บูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์  และการสงเคราะห์
โดยทั่วไป  บุญกุศลทั้งหลาย  ขออุทิศให้แก่บิดา  มารดา  ญาติกา  ครูบาอาจารย์  ผู้มี
อุปการะคุณ บุตร ภรรยา-สามี  มิตรสหาย  สรรพสัตว์ทั้งหลาย  เจ้ากรรมนายเวร              
พยายมราช  นายนิรยบาล  ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่  พระภูมิเจ้าที่  แม่พระธรณี
แม่พระคงคา  แม่พระเพลิง  แม่พระพาย  แม่พระโพสพ  แม่ซื้อผู้เรืองฤทธิ์
เทพยดาตั้งแต่ ชั้นจาตุมหาราชิกา  เบื้องบน  จนถึงที่สุดชั้นพรหมเบื้องล่าง
ตั้งแต่ชั้นอเวจีจนถึงโลกมนุษย์  โดยรอบสุดขอบเขตจักรวาล  อนันตจักรวาล
ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับส่วนบุญส่วนกุศลนี้โดยทั่วกัน  ท่านที่มีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์
ท่านที่มีสุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป  โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกิน
กระทำความผิด  ตั้งแต่ในอดีตชาติก็ดี  ในปัจจุบันก็ดี  ทั้งที่ระลึกได้ก็ดี  ระลึกไม่ได้ก็ดี
ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงได้อโหสิกรรม  ยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บันนี้เป็น
ต้นไป  ด้วยอำนาจกุศลผลบุญนี้  จงเป็นพละปัจจัยนิสัย  นำส่งให้ข้าพเจ้ามีสติ รู้ตัว
มีปัญญารู้คิด มีปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลมว่องไว  พิจารณาเห็นแจ้งในสัจจธรรมจนถึง
ที่สุดของความพ้นทุกข์  คือพระนิพพานในชาติปัจจุบันตลอดชาติอย่างยิ่งเทอญ"
เมื่อท่านกล่าวเสร็จแล้ว  นำน้ำที่เทใส่แก้วไว้  ไปเทที่ต้นไม้ที่มีดิน จะดีที่สุด
เวลาที่เทน้ำลงดิน  ขอให้ตั้งจิต แล้วกล่าวพูดเสียงดังออกมาว่า  พระแม่ธรณี ขาอยู่ไหนค่ะ
แล้วให้เราพูดตอบรับด้วยว่า  อยู่ที่จ๊ะ   แล้วเทน้ำลงดินเพื่อไปสู่สิ่งที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น
ถือว่าเป็นการตัดกรรมแบบใช้พลังจิต ส่งผ่านให้พระแม่ธรณีท่านเป็นทิพย์พยานนำผลบุญ
ที่เราทำมาคืนสู่เจ้ากรรมนายเวร
ขอให้ท่านได้ลองทำดูน่ะค่ะ  แล้วดีอย่างไร ขอให้แสดงความคิดเห็นมาหน้าเวปได้เลย...จักเป็นการขอบพระคุณอย่างมาก





ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)







Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment