Sunday, November 14, 2010

กลยุทธ์พิชิตกรรม...

กลยุทธ์พิชิตกรรม...
โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)


สวัสดีค่ะ ...ท่านผู้ชมทางเวป วันนี้อาจารย์ได้นำบทความที่เกี่ยวกับเรื่องพลังจิต ซึ่งทำให้ทุกท่านได้กลับมาคิดและไตร่ตรองว่า เราเกิดมาทำไม และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากการกระทำของเราหรือของใคร  การหากลยุทธ์เพื่อเอาชนะกรรมมีอยู่หลายวิธี การที่ผู้คนเข้ามารับคำทำนายนั้น ก็เป็นหนึ่งของความอยากรู้ว่า ทำไมชีวิตของเรานั้นมันจะดีได้เมื่อไหร่ อุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดนั้นมันจะทำให้ชีวิตของเราเลวร้ายแบบไหน  และเป็นทางหนึ่งซึ่งต้องการหากลยุทธ์มาพิชิตกรรม แต่ที่เป็นคำถามเด็ดๆก็คือ คนส่วนมากที่เข้ามา มักมีคำถามว่า ปัญหาจะแก้ไขได้อย่างไร...อาจารย์จึงมีความคิดแล้วต้องการแบ่งปันให้กับคนที่สนใจมาว่า ก่อนที่ท่านจะเข้าใจในตัวของกรรมเวรนั้น


เวรกรรม นั้นก็มาจากความรู้สึกของเราทั้งนั้นล่ะค่ะ เพราะคนเรานั้นมีทั้งโลภ โกรธ หลง ซึ่งสะสมมาในสันดานมานานแล้ว การที่เราจะชนะกรรมเวรได้นั้น มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ละวิธีที่อาจารย์ได้ศึกษามานั้น ก็เป็นวิธีที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ รุ่นคนปู่คนย่า ไม่ว่าเป็นการสวดมนต์ รดน้ำมนต์ ปัดเสนียดจัญไร หรือการเข้าสมาธิ ออกบวช แล้วแต่ความเชื่อและศรัทธาของแต่ละคน แต่พอมาสนใจเรื่องการสร้างแสงกายทิพย์ หรือ aura power ซึ่งอาจออกแนววิทยาศาสตร์ และลึกๆแล้ว
เป็นศาสตร์โบราณเช่นกันแต่วิธีนี้เป็นแก้กรรมหรือพิชิตกรรม ซึ่งวิชานี้ได้หมดไปยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก  เชื่อว่า พลังกายทิพย์เป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในสมัยโบราณ ใน Atlantis ซึ่งเคยเป็นเมืองสงบ ไม่มีโจรผู้ร้าย ไม่เจ็บป่วย เพราะรู้จักการนำพลังกายทิพย์มาใช้ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมามนุษย์มีกิเลสมากขึ้น เกิดความเดือดร้อน เทพ Zeus ดูแลมนุษย์ จึงทำให้เกาะ Atlantis จมหายไป มีบางคนหนีรอดไปทวีปอเมริกาบ้าง และประเทศทางตะวันออกบ้าง ประมาณ 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล
พบว่า ปฐมปรมาจารย์โซเซอร์ ผู้ค้นพบการรักษาโรคด้วยพลังกายทิพย์ มีอักษรบันทึกการฝึกวิชาพลังกายทิพย์ และ ภาพการถ่ายพลังให้ผู้อื่น ที่ The great pyramid ประเทศอียิปต์ จึงเชื่อว่าปิรามิดเป็นที่สะสมพลังกายทิพย์ ไม่ใช่แค่หลุมฝังศพ รอบๆปิรามิดมีสถาบัน แอสตรารา (Astrara) เป็นที่สอนเรื่องพลังกายทิพย์ ที่โบสถ์โซเฟีย มีภาพแสดงจักระ 7 แห่ง บนร่างกายมนุษย์ คือ ยุคแอ็กแลนด์ติก เป็นยุคที่ล่มสลายไปกับโลกเก่า แต่วิชานี้ก็ยังมีมาเผยแพร่ไปทั่วโลก ไม่ว่าเป็นฝั่งตะวันออก และตะวันตก วิชานี้อาจารย์ได้ศึกษาผสมผสาน ศาตร์ของ การเข้ากายทิพย์ของธิเบตและอินเดียนแดง ซึ่งเป็นวิชาพลังของโลก มาก่อนที่นักวิทยาศาสตร์มาค้นพบเป็นพลังจิตใต้สำนึก หรือพลังออร่า

ถ้าพูดที่มาอาจยาวซักหน่อย จึงขอสรุป ว่า การที่เราจะพิชิตกรรมของเราได้นั้น มันขึ้นอยู่กับตัวของเราด้วยว่า เราสามารถมีความเข้าใจกับวิชานั้นได้ดีเพียงไร เพราะ กลยุทธ์พิชิตกรรม การสร้างพลังแสงกายทิพย์ เป็นวิธีหนึ่งมาจากหลายๆวิธี แต่เป็นการรวมผสมผสานวิชาต่างๆกันเข้ามา การสร้างพลังแสงกายทิพย์ เป็นวิธีการนำหนามยอกเอาหนามบ่ง  หมายความว่า การที่ผู้ทำพลังแสงกายทิพย์เป็นการทำให้พลังแม่เหล็กหรือพลังตัณหาภายในจิตใจของเรานั้นมันเป็น
พลังแม่เหล็กที่ดึงดูดสิ่งที่เราปราถนาเข้ามา...

ผู้ที่มีเป้าหมายของชีวิตยังอยู่ในโลกย่อมอยากเป็นธรรมดาการที่ทำให้จิตเป็นกลาง นั้นเป็นสิ่งที่ยาก แม้แต่พระที่ปลีกวิเวกเจริญสติมาแรมปี ยังสติหลุดได้เลยค่ะ ดังนั้นวิธีเอาชนะกรรมเก่าแบบง่ายๆ คือ การเอาตัณหามาตัดตัณหา เช่น ความอยากมีคนรักที่ดี ที่ซื่อสัตย์ และเป็นความรักที่เข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นปัญหาหนึ่ง และตัณหาอีกอย่างหนึ่งที่รุนแรงไม่แพ้ก็คือ ความอยากได้แต่ไม่มีวิธีที่ดี เพราะไม่รู้ว่าคนที่เราจะพบนั้นอยู่ที่ใด หรือพบแล้วมักมีความรักมาก่อน หรือเป็นรักสามเส้าแบบไม่รู้ตัว

จึงทำให้จิตใจของเราหมองเศร้า คืออยากได้ที่ดีๆ แต่ทำไมไม่พบสักที ....การสร้างพลังกายแสงทิพย์ เป็นการสร้างพลังแม่เหล็ก ที่มีไฟปราถนาในดวงจิต สร้างแสงให้ดึงดูดคนที่ใช่...นั้นเข้ามา แบบกิเลส 
สู้กับกิเลส เมื่อใดที่เราสามารถสร้างความอยากที่ต้องการคู่ครองที่เหมาะสมกับเรา เมื่อนั้นกรรมเก่าจะทำอะไรเราไม่ได้ เขาเรียกว่า กลยุทธ์หนามยอกเอาหนามบ่ง กรรมเวรลิขิตแล้วว่าความรักของเรามันต้องพลัดพราก หรือจบลง หรือเป็นความรักที่ต้องข่มขืนเพราะรักคนที่มีเจ้าของแล้ว  เป็นต้น   ถ้าใครอยากได้คู่ที่ดี ที่เหมาะสม อย่าเกียจคร้าน อย่ายอมกับชะตาชีวิตที่ลิขิตเรา ต้องพยายามสร้างพลังแสงกายทิพย์ให้มีพลังดึงดูด สิ่งที่เราปราถนา ให้คนที่ดี ที่เหมาะสมเข้ามาสู่ชีวิตของเราความให้มากที่สุด จนเอาชนะชะตาชีวิตของเราได้ เจ้ากรรมนายเวรทางจิต หรือ คู่เวร คู่เทียม เข้ามาหาเราทำอะไรกับจิตใจของเราไม่ได้ เพราะกายแสงทิพย์ของเราจะตัวปกป้อง คนที่เข้ามาแต่ไม่มีความจริงใจ ให้ออกไปทันที ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามาทำความรู้จัก และศึกษา จนมักจะต้องเสียใจ เสียกายกันมามากต่อมากแล้วซึ่งถ้าเรายอมรับชะตากรรม ทุกอย่างก็จบ

เพราะชะตาได้กำหนดไว้แล้ว แต่เราจะชนะชะตากรรมด้วยการสร้างพลังแสงกายทิพย์และสามารถนำอำนาจในตัวเราให้มีอำนาจชนะอำนาจตัณหาฝ่ายต่ำที่ทำให้ชีวิตของเราตกต่ำลงไป  ออกไปจากชีวิตของเราได้อย่างง่ายดาย ....พร้อมกับดึงดูดคู่รักที่เหมาะสมกับเรา หรือรักแท้ที่เราตามหามาตลอด...
นอกจากนี้แล้วพลังแสงกายทิพย์นั้น ยังเป็นการกระจายกรรม หมายถึงว่ามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผลกรรมนั้นจะเบาบางลง ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา การสร้างพลังแสงกายทิพย์เป็นการเอาชนะกรรมเก่า นั่นอาจเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรเห็นว่า แม้บันดาลให้เกิดเหตุร้ายขึ้น แต่ผลกระทบนั้นน้อยเกินไป เลยเลิกใส่ใจที่จะทวงคืน ทำให้จิตใจของเราลดความวิตกกังวลได้อีกทางหนึ่ง
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่กันได้ ในขณะที่สัตว์จะทำไปตามสัญชาตญาณทำให้ไม่สามารถพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงตน สัตว์จึงเกิดมาเพื่อรับกรรมโดยเฉพาะ แต่สำหรับมนุษย์ การมีครูหรืออาจารย์ที่ดี หมายถึงการได้เข้าไปอยู่ใต้ร่มใบบุญของคุณครูเท่านั้น เพราะก่อนที่อาจารย์จะมาศึกษาพลังแสงกายทิพย์นั้น อาจารย์จะต้องได้รับการอบรมทั้งครูเป็นตัวตนจริงๆ และครูทางโลกวิญญาณ เพราะครูจะนำพาทางให้เราได้พ้นจากเคราะห์กรรม เช่นการที่เราสร้างกายแสงทิพย์ ถ้าเราไม่มีเสียงพูดและเสียงเพลงของครูแล้ว การที่เราจะสร้างได้เองนั้น อาจเป็นเรื่องที่ยาก ...กว่าที่อาจารย์จะผ่านมาแล้วมาฝึกฝนให้ลูกศิษย์แต่ละท่านถือว่าต้องให้ความพยายามและเข้าใจอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นบุญคุณของครูบาอาจารย์ยิ่งใหญ่อย่างมาก การที่เราชนะเวรกรรมได้นั้น ครูบาอาจารย์ก็เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญเช่นกัน...
ต่อไปเมื่อคุณมีความเชี่ยวชาญในการสร้างพลังกายทิพย์แล้ว ก็สามารถเดินทางผ่านเวรกรรมได้แบบผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถค้นพบตัวตนที่แท้จริง...ไม่ยอมแพ้กับชะตากรรมหรือเวรกรรมที่พยายามจองล้างจองเวรได้ และอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกับมีพลังดึงดูดที่สามารถนำพาผู้ที่เคยสร้างกรรมดีมาช่วยเหลือเราในเวลาที่เราทุกข์เศร้า เหมือนกับมีบุญเก่าเข้ามาช่วยเหลือในยามวิกฤตได้ เช่น ในขณะที่เกิดคดีความ พลังแสงกายทิพย์ดึงดูดทนายความผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในคดีนั้น ให้ชนะคดีหรือผ่านเวรกรรมแบบไม่น่าเชื่อ อย่างนี้เป็นต้น
ความรู้สึกทำให้มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน กรรมจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อมีการทำร้ายความรู้สึกเท่านั้น ถ้าเราเอาค้อนทุบหินให้แตกกระจายก็ไม่ได้เป็นการทำกรรมอะไรกับหิน เพราะหินไม่มีความรู้สึก ดังนั้นการสะท้อนของผลกรรมก็จะเริ่มต้นจาก ความรู้สึก กฎแห่งกรรมจะทำงานโดยเหนี่ยวนำความรู้สึกของคนอื่นให้มากระทบและชักนำไปในทางที่ต้องการ คำว่า โชคดีหรือโชคร้าย ส่วนใหญ่จะมีจุดเริ่มต้นมาจากคน ไม่ใช่สิ่งของ แม้แต่การถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งก็ต้องเริ่มจากคนขาย ได้รับกระแสดึงดูดจากพลังแสงในกายของคุณดลใจให้เอาสลากใบนั้นมาขายให้คุณ ซึ่งมันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญ ถ้าเราไม่มีการสร้างแสงกายทิพย์หรือฝึกในการสร้างแสงล้อมรอบตัวเราให้มากขึ้น เมื่อแสงกายทิพย์ตามธรรมชาติของเราลดน้อย จะสังเกตได้จากอารมณ์ของเราอาจรู้สึกไม่สบายใจ กังวลใจ เครียด กลัว โกรธ แบบไร้สาเหตุ แล้วนี้แหละค่ะ ที่จะเป็นการดึงเจ้ากรรมนายเวรเข้ามาหาเราแบบไม่รู้ตัว โดยที่เราไม่ต้องไปเชิญมาเลย เพราะถ้าเป็นกรรมเก่าร้ายๆ คนไม่ดีโคจรเข้ามาในชีวิตของเรา การมาพบกับคนไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะแสงในตัวของเราน้อย เจ้ากรรมนายเวรเหมือนมีกลิ่นให้รู้ว่าตัวของคุณอยู่ที่ไหน ไม่มีข้อยกเว้นทั้งนั้น เมื่อแสงของเราน้อยลง ความคิดเริ่มสับสน ยิ่งอยากจะมีความสุข ก็ยิ่งจะพบกับความทุกข์ เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครมาดูแล เพราะฉะนั้นการสร้างกายแสงทิพย์ สามารถเป็นพลังปกป้องคุ้มภัย ยิ่งสร้างให้แข็งแรงมากเท่าไหร่ เจ้ากรรมนายเวร ก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ทั้งนั้น
หลายๆคนคงเข้าใจว่าเจ้ากรรมนายเวรต้องเป็นบุคคลเท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว มันก็คือความรู้สึกของเราค่ะ เพราะเมื่อไหร่แสงกายของเราน้อย จิตใจของเราหดหู่ เศร้า กังวล กลัว เป็นต้น จะมีบุคคลและเหตุการณ์ที่สร้างสิ่งไม่ดีให้กับเราตลอดค่ะ ไม่เว้นแม้แต่คนใกล้ชิด บิดา มารดา พี่น้อง คนรัก หรืออะไรก็ตาม สามารถเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราได้เสมอ เพราะแสงในกายของเรามันน้อยมาก
เราควรกลับมามองดูตัวตนแล้วถามว่า เราควรจะพัฒนาชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้อย่างไร .... การสร้างแสงกายทิพย์เป็นเรื่องที่ทุกคนควรศึกษา และพร้อมที่จะสร้างพลังแสงกายทิพย์ ทำให้เจ้ากรรมนายเวร หรือความรู้สึกลบๆได้ออกไปจากจิตวิญญาณของเราเสียที เหมือนกับเราต้องมีกลยุทธ์พิชิตกรรมที่ได้ผล...
การเกิดความผิดพลาดใดๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรมเก่า ความรู้สึกผิดเป็นเรื่องที่กลับมาทบทวน หาจุดบกพร่องหรือจุดอ่อน การทำอะไรผิดพลาดคือผลกรรมเก่า แต่การยอมรับผิดเป็นกรรมปัจจุบัน อดีต คือ กรรมเก่าที่ได้รับการชดใช้ไปแล้ว แล้วนำความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียนจะทำให้เกิดการเรียนรู้และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก เป็นการได้บทเรียนจากกรรมเก่าให้เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นเมื่อคุณรู้ว่า กรรมเก่ามันก็คือสิ่งใดที่ทำให้ความรู้สึกของเราแย่ลง หรือ แสงน้อยลง เราก็ควรที่จะพัฒนาให้แสงในกายของเราได้เพิ่มขึ้นและแข็งแรงในที่สุด...และสามารถช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก การงาน การเงิน...
การสร้างแสงกายทิพย์ เป็นการผ่อนแรงกรรม ความหมายก็คือ กรรมเก่ามาจากใจของเรานั้นเอง
เมื่อเรามีพลังแสงกายทิพย์แล้ว เราจะมีความใจเย็น เมื่อเจอปัญหาจะสามารถมองเห็นเหตุแห่งความเป็นจริง ไม่ด่วนตัดสินใจหรือทำอะไรในช่วงเวลานั้น เมื่อเวลาผ่านไปความรู้สึกก็จะเปลี่ยนไป เหตุการณ์มันก็จะเปลี่ยนไป ก็เท่ากับว่ากรรมเก่านั้นได้หมด ไปอีกวาระหนึ่ง แต่ถ้าใจร้อน จะทำให้เกิดปัญหายาวนานขึ้นแน่  จึงเกิดอาการเสียใจและสามารถฝังเป็นหลายๆปี หรือบางครั้งขนาดข้ามภพข้ามชาติ คือ แสงกายทิพย์ที่ติดตัวเรามา ถ้าเราเคยสร้างแสงน้อย เมื่อเกิดมาแสงก็น้อย แต่ถ้าเรารู้ตัวเราก็ควรทำการสร้างแสงกายทิพย์ให้แข็งแรง จนเจ้ากรรมนายเวรทำอะไรไม่ได้
ขอให้ท่านได้อ่านบทความนี้ แล้วลองคิดว่าสิ่งที่อาจารย์นำมาให้ท่านรู้นั้นจะเหมาะสมกับท่านหรือไม่
เพราะการสร้างแสงกายทิพย์ ก็เหมือนทางเดินหนึ่งซึ่งจำทางให้ชีวิตของท่าน เป็นเพื่อนของท่าน และนำทางให้ท่านเดินทางจนถึงกว่าชีวิตจะสูญสิ้น พร้อมกับโลกใหม่ได้อีกด้วยน่ะค่ะ....








ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)










Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment