Friday, November 12, 2010

ความมหัศจรรย์ใกล้แค่เอื้อม...

ความมหัศจรรย์ใกล้แค่เอื้อม
นรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่? โลกอื่นหรือชาติหน้ามีจริงหรือไม่?
เทวดามีจริงหรือไม่
?

โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)


เป็นคำถามที่มีมาทุกยุคทุกสมัย และก็มีผู้ตอบมาโดยตลอด แต่ก็นั่นเอง ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องปัจเจก คือรู้ได้เฉพาะตน ตราบใดที่คนเรายังไม่รู้แจ้งเห็นจริงทุกเรื่อง ก็ต้องมีคนสงสัยกันต่อไป วันนี้เป็นวันที่มีความหมายที่สุดของชาวพุทธ คือวันวิสาขบูชา และอาจารย์มีความยินดีที่จะเสนอเรื่องเกี่ยวข้องกับ นรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่ และเทวดามีจริงหรือไม่ เป็นบทความให้ผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล
ความจริงอย่างหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คือโลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ มีทั้งสิ่งที่หยาบที่สุดไปจนสิ่งที่ละเอียดอ่อนที่สุด ชนิดสายตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ มีความสลับซับซ้อนต่างๆกันออกไป
บางอย่างต้องอาศัยเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นเท่านั้นจึงสามารถพิสูจน์ให้ ตาเนื้อเห็นได้ เช่น เชื้อจุลินทรีย์ แร่ธาตุ สารเคมีต่างๆ และก็ต้องมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่มนุษย์เองยังไม่สามารถจะคิดค้นเครื่องไม้เครื่องมือมาพิสูจน์ได้ เช่น วิญญาณ เทวดา รวมไปถึงสิ่งที่มีชีวิตในภพภูมิอื่นๆที่ทับซ้อนหรือเหนือไปกว่าความหยายของมนุษย์โลก
     
เรื่องเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องปกติของนักพิสูจน์ว่าครั้นพอพิสูจน์ให้ประจักษ์ไม่ได้ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ ก็ต้องป้องกันชื่อเสียงของตนเองไว้ก่อนว่า เป็นเรื่องเหลวไหล พิสูจน์ไม่ได้ด้านคนเดินดินที่เกลือกกลั้วกับ กิน กาม เกียรติ มักทึกทักเอาตามนิสัยของตนเองว่า เมื่อไม่เห็นด้วยตาตนเองก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งสิ้น
      
วิธีคิดแบบนี้จะเอาเป็นมาตรฐานมาปฏิเสธสิ่งต่างๆเห็นจะไม่ถูกต้องนัก  ต้องไม่ลืมว่า สัตว์บางชนิดมองเห็น อย่าง สุนัข มด เป็นต้น ได้ยิน ได้กลิ่น ซึ่งตา หู จมูก มนุษย์ ไม่สามารถสัมผัสได้
โลกหยาบๆที่เราอาศัยอยู่นี้ ก็มีอีกหลายที่หลายแห่งที่มนุษย์ยังไม่มีปัญญาจะเข้าไปพิสูจน์ความลี้ลับซับซ้อนของมันได้ เช่น สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ความมีอยู่จริงของทวีปแอตแลนติส เป็นต้น ไม่ต้องว่าไปถึงสิ่งละเอียดอ่อนอย่างภพภูมิอื่นๆซึ่งละเอียดอ่อนเหนือวิสัยมนุษย์ปกติหลายเท่า
เรื่องภพภูมินอกเหนือจากโลกมนุษย์นี้ ยากต่อการพิสูจน์ให้เห็นก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะหมดหนทางเสียทีเดียวมนุษย์มีวิธีพิสูจน์สิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่ว่าผู้พิสูจน์จะต้องเห็นเองประจักษ์เอง คนอื่นได้เห็นด้วยไม่ได้เท่านั้น นั่นก็คือการพิสูจน์ด้วยดวงจิตอันละเอียดอ่อน อาศัยคุณวิเศษที่เกิดจากจิตอันละเอียดนั้นเข้าไปสัมผัสรู้เห็น
เพียงแต่สมัยนี้ คนส่วนมากมองข้ามไป เห็นเป็นเรื่องยากต่อการปฏิบัติบ้าง บางคนก็มองว่าไม่น่าเป็นไปได้บ้างเป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันว่า ศาสนาทุกศาสนามีเรื่องนรก สวรรค์ เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น หลายศาสนาถือเป็นแนวคิดหลักในการประกาศศาสนาเลยทีเดียว เช่น ยูดา คริสต์ อิสลาม ฮินดู ถึงกับมีการแจกแจงรายละเอียดบนสวรรค์อย่างละเอียดลออ
คุณสมบัติทางจิต จะสามารถสัมผัสกับภพภูมิอันละเอียดละออได้   พระพุทธเจ้าเอง พระองค์ก็ทรงปฏิบัติขัดเกลาจิตตนเองจนแน่วแน่ (ได้ปฐมญาน)มาตั้งแต่ยังอายุได้ 7 ขวบ แล้วยังทรงปฏิบัติในขั้นอุกฤษฏ์จนได้อภิญญา 5 สมาบัติ 7 ตั้งแต่ออกผนวชพรรษาแรก
และในยุคต่อๆมาจนถึงปัจจุบันก็ยังมีพระภิกษุและคนสามัญปฏิบัตได้เช่นเดียวกัน เช่น ประวัติของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต   และพระอาจารย์อื่นๆหลายต่อหลายท่าน ซึ่งมีประสบการณ์สัมผัสที่สอดคล้องตรงกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับศาสนาที่เน้นการปฏิบัติทางจิตเพื่อบรรลุภาวะรู้แจ้ง อย่าง พุทธ ฮินดู ลัทธิโยคีทั้งหลาย ยิ่งไม่ควรมองข้ามทั้งสิ้น อย่างน้อย บุคคลในศาสนาหรือลัทธิเหล่านี้ มีความละเอียดทางจิตและพลังจิตที่แตกต่างจากคนทั่วไป เรียกว่า อภิญญาสมาบัติ เรื่องอภิญญาสมาบัตินี้ ในสมัยที่เทคโนโลยียังไม่เจริญ ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก พวกโยคีเขามีสำนักสอนและปฏิบัติกันเป็นล่ำเป็นสัน ส่วนจะได้น้อยได้มากนั้นขึ้นอยู่กับความพยายามของแต่ละคน ปัจจุบันยังมีให้พิสูจน์ในประเทศอินเดีย  คุณสมบัติทางจิตเหล่านี้นั่นเอง จะสามารถสัมผัสกับภพภูมิอันละเอียดอ่อนได้
หากจะเอาความเชื่อของแต่ละคนมาพูดกัน ก็คงไม่มีวันจบสิ้น หลายคนก็หลายความเชื่อหลายความเห็น อาจารย์ก็ไม่ได้รู้ได้เห็นมากกว่าคนธรรมดา เพียงแต่เชื่อว่าการปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริงทุกสิ่งของพระพุทธองค์ องค์บรมครูพระพุทธศาสนาเท่านั้น และมั่นใจว่า เรื่องที่ตรัสไม่ใช่เป็นเรื่องโกหกพกลม หาไม่แล้วคำสอนของพระองค์คงไม่ยืนยงเป็นที่ยอมรับมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น ความรู้ใดๆอันเกี่ยวกับภพภูมิที่ผู้ที่เข้ามาอ่านในเวปนี้ อาจารย์ยินดีที่ให้ความรู้ซึ่งได้จากหนังสือที่อ้างอิงตามคำบอกเล่าของพระพุทธองค์ รวมทั้งบรรดาสาวกของพระองค์เป็นพื้นทั้งสิ้น หาได้เกิดจากความรู้เองประจักษ์แจ้งของอาจารย์แต่ประการใด
ไม่แน่ว่า อนาคตจะมีนักวิทยาศาสตร์สักคนประดิษฐ์เครื่องมือที่สามารถติดต่อสื่อสารกับภพอื่นได้ ถ่ายรูปพวกเขาได้ ถึงวันนั้น คำกล่าวกันว่า นรก สวรรค์ เป็นเรื่องที่เหลวไหลลวงคนตกไป
เช่นเดียวกันกับคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง 16 ข้อ ใครจะเชื่อว่าเป็นจริงทั้งหมด
แต่ตกมาวันนี้ “ถูกทุกข้อ” อย่างน่าทึ่ง
หรือแม้กระทั่งพระองค์บอกว่าโลกกลม ใครจะเชื่อ?
จนกระทั่ง “กาลิเลโอ”ออกมายืนยันต่อชาวโลก... ด้วยชีวิต.....

ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)




Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment