Sunday, November 14, 2010

คุณเชื่อหรือไม่ !! บาปรุนแรงทางจิต 7 อย่าง ซึ่งก่อให้เกิดความล้มเหลวในชีวิต…

คุณเชื่อหรือไม่ !! บาปรุนแรงทางจิต 7 อย่าง ซึ่งก่อให้เกิดความล้มเหลวในชีวิต…
โดย ธูปพลังจิตจักรวาล...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)

     วันนี้ขอให้ทุกท่านเข้ามาอ่านลองพิจารณาแต่ละข้ออย่างละเอียด ทั้งหมดคือบาป ซึ่งเรามักจะทำกันเป็นประจำวัน เพราะเป็นทาสแห่งจิต ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จครึ่งๆกลางๆ ทำให้เป็นคนขี้เบื่อ และมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย ทำให้ชี้เห็นว่า คนเรามักจะทำอะไรเลยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดบาปต่างๆขึ้นมา ซึ่งอาจารย์จะอธิบายรายละเอียดเป็นข้อๆ
บาปข้อที่1.
การยอมให้คนอื่นมาบงการชีวิตของคุณ แทนที่คุณจะจัดการชีวิตของคุณเอง เพื่อคุณจะได้ทำในสิ่งที่คุณปราถนา เมื่อคุณทำบาปข้อนี้ ก็หมายความว่าคุณได้ยอมจำนนต่ออำนาจของชนชั้นสอง คุณยอมให้พวกเขาฉุดให้ต่ำลงในเรื่องของรายได้ แล้วคุณก็ยอมทำตาม และเขามักจะบงการคุณว่า คุณควรทำงานชนิดใด และออกคำสั่งให้คุณทำงานตามวิธีของเขาต้องการ ออกคำสั่งในชีวิตส่วนตัวของคุณ เช่น สามีที่ชักนำในทางที่ผิด ภรรยาที่ใช้อำนาจโดยปราศจากเหตุผล นายที่จ้องจะเอาแต่ใจตัวเอง จะคอยเข้ามายุ่งเกี่ยว สอดแทรกในความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนอื่นๆที่เข้ามาในชีวิตของคุณ วิธีที่อาจารย์จะบอกให้ก็คือ คุณจะต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่คุณตัดสินใจลงไป พิจารณาว่าคุณได้เลือกในสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่ หรือว่าคุณได้เลือกสิ่งนั้นไปเพื่อตามใจคนอื่น

บาป ข้อที่2 .  
ปัดความผิดของคุณไปให้คนอื่น แทนที่จะตำหนิตัวเองทุกคนที่มีจิตสำนึกจะริเริ่มสร้างโอกาสให้กับตัวเอง แต่ทว่าคนส่วนใหญ่มักไม่มีจิตสำนึก  ครั้งหนึ่งนโบเลียนได้กล่าวว่า “โอกาสดีๆน่ะเหรอ ฉันมักจะสร้างโอกาสดีๆให้กับตัวฉันเองเสมอ” และนี่คือบุคคลที่ประสบความสำเร็จ บาปของการโยนความผิดไปให้แก่ผู้อื่นนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมากจนเราไม่รู้ตัว คนทั่วไปที่คุณรู้จักมักจะทำผิดบาปข้อนี้ เมื่อพวกเขาคิดว่า..ทำไมพวกเขาถึงไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน หรือทำไมจึงขายของไม่ดี หรือทำไมพวกเขาถึงเรียนได้เกรดไม่ดี หรือทำไมคนอื่นถึงได้ดีกว่าตัวเขาเอง   บาปข้อ2 นี้ก็เป็นบาปที่ส่งผลร้ายเช่นกัน ขณะที่คุณได้ศึกษาบทความที่อาจารย์ได้เขียนมาให้นี้ เพื่อทำให้คุณได้จัดระเบียบทางจิตใจ ก่อนที่เราจะเข้ามาจุดเทียนพลังทิพย์ ทั้ง 7 สีนี้ คุณจะค้นพบว่าคนที่หลีกเลี่ยงบาปทางจิตข้อนี้ จะได้รับรางวัลแห่งชีวิตนั่นเอง

บาปข้อที่3. 
ขายความสามารถของคุณไม่เต็มที่ แสดงความดูถูกในความสามารถของตัวคุณเอง ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มักจะเกิดขึ้นเพราะคนเหล่านี้คิดว่า ตัวเองมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ คิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นและคิดว่าสิ่งดีๆสิ่งวิเศษในชีวิต จำเป็นต้องได้มาโดยการฉกฉวยแย่งชิง หรือรอคอยชะตาชีวิต มีคำพูดไว้ว่า “ความใกล้ชิด ก่อความดูหมิ่น” การที่คนเราเองแสดงพลังจากสมองของเรา จะได้รับการยอมรับนับถือเสมอทุกๆวัน คนเป็นล้านๆคน จะแสดงความคิดพื้นฐาน ความคิดสร้างสรรค์ และความคิดที่มีคุณค่าอยู่ตลอดเวลา ความคิดเหล่านี้จะถูกนำเสนอออกมาจากสมองของพวกเขา เราได้ทำบาปมหันต์สองอย่างเกี่ยวกับสติปัญญาของเรา นั่นคือ เรามักประเมินระดับสติปัญญาของผู้อื่นสูงเกินความเป็นจริง และตีค่าของสมองตัวเองต่ำเกินไป..

บาปข้อที่4.
ยอมให้ความกลัวเข้ามามีอำนาจต่อทุกสิ่ง และทุกย่างก้าวของชีวิต คุณกลัวคนอื่น กลัวความรักจะพลัดพราก กลัวเขาจะถอดทิ้ง กลัวที่ลองทำสิ่งใหม่ๆ กลัวเจ็บ กลัวขาดทุน  กลัวล้มละลาย กลัวตัวเอง ความกลัวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความกลัวของเรา
ความกลัว การขาดความเชื่อมั่น ปกคลุมอยู่ทั่วทุกแห่งในโลก และสิ่งที่ตามมาหลังความกลัวก็คือ “ความล้มเหลว”

บาปข้อที่5.
ความล้มเหลวในการจัดระบบ และการบังคับทิศทางของขบวนการทางจิต เพราะการจัดระบบความคิดจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย การเข้าวิชาแสงกายทิพย์นั้น จุดหลักก็คือต้องการทำให้จิตข้างในของเรามีจิตใจที่หนักแน่น มีเป้าหมาย ถ้าความคิดของเราเคว้งคว้าง ความคิดของพวกเราก็เป็นความฝันที่ไร้จุดหมายแน่นอน
มีเพียงไม่กี่คนที่พยายามเข้าใจ และตั้งใจสละเวลาเข้าแสงกายทิพย์ และเขียนสิ่งที่พวกเขาปรารถนาในชีวิตที่ต้องการ...
และมีบางคนที่มีความเลื่อนลอย เปะปะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ณ.จุดใด และยิ่งแย่ คือ พวกเขาไม่รู้ว่าจะเดินทางไปสู่จุดใด พวกเขากำลังเดินไปตามเส้นทางชีวิตโดยปราศจากแผนที่ ผลก็คือ สมองอันเป็นเครื่องมือทรงพลัง จึงสั่งให้ชีวิตของเขาล้มเหลวในทุกๆเรื่อง....

บาปข้อที่6.
การคิดแต่เรื่องตัวเอง และความไม่รู้จักพอของตัวคุณเองจะทำให้คุณไม่สามารถเรียนรู้เคล็ดลับอันวิเศษในการที่จะเอาชนะคนอื่นได้ ความสำเร็จจำเป็นจะต้องใช้ความสามารถในการเข้าไปมีอิทธิพลเหนือคนอื่นด้วย แต่ความสามารถอันนี้จะไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย ถ้าคุณมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวคุณเอง
ในโลกที่แสนจะยุ่งเหยิงเช่นทุกวันนี้... คุณจะต้องชักจูงให้คนอื่นคล้อยตามความคิดของคุณให้ได้ ถ้าคุณปรารถนาที่จะพบกับความสำเร็จอย่างงดงาม แต่ทว่าคนมากมายมักจะกระทำผิดบาปข้อนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะถามตัวเองว่า “สิ่งนี้มีประโยชน์อะไรกับเราบ้างน่ะ” แทนที่จะถามว่า “ฉันจะทำประโยชน์อะไรให้กับคนอื่นๆได้บ้าง” มีสุภาษิต กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณอยากจะได้ คุณต้องรู้จักให้เสียก่อน”

บาปข้อที่7.
ความล้มเหลวในการที่จะเชื่ออย่างสนิทใจว่า คุณสามารถทำให้จิตใจของคุณทำหน้าที่ของมันตามที่คุณปรารถนาได้ การที่คุณไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่า คุณสามารถจะชนะ สามารถจะประสบความสำเร็จ สามารถมีรายได้มากขึ้น   หรือมีอำนาจมีอิทธิพลมากขึ้น หรือเชื่ออย่างสนิทใจว่าคุณสามารถพบกับความสงบแห่งจิตใจอันแท้จริง แสดงว่า คุณกำลังมีบาปข้อนี้แล้ว
ทุกคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ความเชื่อ สามารถทำให้เขาเคลื่อนที่ได้” แต่คนส่วนใหญ่ที่คุณรู้จักมักจะมองข้าม  สัจจธรรมข้อนี้ไป พวกเขาคิดว่า ความเชื่อคงไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น คนที่สามารถควบคุมความคิดของเขาได้ เขาก็จะไม่ยอมให้ความคิดของเขาเข้าครอบงำตัวเขาได้
เริ่มเสียตั้งแต่ตอนนี้ อาจารย์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ถึงตอนนี้คุณคงพูดได้อย่างมั่นใจแล้วว่า “ฉันจะต้องก้าวต่อไป” ฉันต้องการค้นหาความสุขให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ ฉันต้อง       การสนุกกับชีวิตที่ดีๆ ฉันต้องการประสบความสำเร็จ ถ้าคุณพร้อมที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เป็นจริง อาจารย์ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยค่ะ....
ทุกๆวันนี้ คนเรา มักจะลาโลกนี้ไป..แบบไม่น่าจะไป แต่ความตายก็ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าอีกต่อไปแล้ว เพราะความตายถือเป็นธรรมชาติที่ทุกคนต้องเผชิญ ความตายคือ สิ่งที่เกิดคู่กับการกำเนิด แต่เรื่องน่าเศร้าก็คือ... คนส่วนใหญ่ที่ตายไปไม่เคย
สามารถเก็บเกี่ยวความสุขในชีวิตของพวกเขาได้เลยอย่างเต็มที่...
คนเหล่านี้มักจะใช้ช่วงชีวิตอันมีค่าของพวกเขาอยู่กับการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด มากกว่าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกเขาประพฤติตัวราวกับผู้ที่ขลาดกลัวต่อการแสดงความคิดเห็น กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาทุกคนล้วนมีความฝัน แต่ทว่าพวกเขากลับปล่อยให้ความฝันนั้นแห้งเหือดและมลายไปต่อหน้าต่อตา...หลายๆคนในคนเหล่านี้จะเกิดมาแบบไม่น่าจะเกิด
เพราะฉะนั้น....ชีวิตของเรานั้นสั้นนัก จงอ่านบทความนี้ และขอให้พวกเราจงสร้างชีวิตใหม่ตั้งแต่บัดนี้เถอะ..ค่ะ



ด้วยความรักปราถนาดีอย่างจริงใจ...
by  Antiga   Ariyachawul
(อาจารย์ อันติกา  อริยชวัล)

















Copyright article from www.promdeva.com.

No comments:

Post a Comment