Thursday, October 14, 2010

พลังกรรม.... ใครเป็นผู้ลิขิต???

พลังกรรม.... ใครเป็นผู้ลิขิต???
โดย ธูปพลังจิตจักรวาลอาจารย์อันติกา อริยชวัล
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชมทางเวป....หลังจากที่บทความการสร้างพลังกายทิพย์ออกมา มีผู้คนมากมายให้ความสนใจและสมัครกันเข้ามาเรียนการสร้างพลังกันอย่างมากค่ะ จึงมีคำถามว่า...ทำไมอาจารย์ไม่เปิดรับสมัครให้มากกว่า 5 คน
จริงๆแล้วการเข้าอบรมแต่ละหลักสูตร ไม่ว่าเป็นการสร้างพลังกายทิพย์ หรือการล้างวิบากกรรมทำแท้งนั้น การที่แต่ละคนได้เข้ามานั้น มาจากความตั้งใจ และศรัทธาเพื่อที่จะทำให้ชีวิตให้ดีขึ้น...อาจารย์ต้องการให้ความรู้และดูแลแต่ละท่านให้ได้เข้าใจพลังของแสง   ฉะนั้นการดูแลต้องให้ความทั่วถึง และต้องการให้แต่ละท่านได้รับความสำเร็จตามที่ท่านปราถนาค่ะ... จึงต้องขอโทษที่บางท่านเข้าสมัครมาแต่ก็ไม่สามารถเข้าอบรมได้จึงต้องพยายามติดตามแต่ละเดือนไปน่ะค่ะ...ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจอาจารย์ตลอดมาน่ะค่ะ
วันนี้อาจารย์ได้นำบทความที่เกี่ยวกับเรื่อง ....พลังเวรกรรม...มาให้ท่านได้อ่านและศึกษา เพื่อที่ได้เข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ถือว่าคำพูดหรืออักษรทุกคำ สามารถทำให้จิตใจที่กำลังกังวล เศร้าหมอง ทุกข์วิตกตลอดเวลา
 แต่เมื่อได้อ่านบทความแล้ว ... ทำให้ท่านได้คิดและสามารถบรรเทาความทุกข์ ความกังวลของท่านได้ไม่มาก..ก็น้อย
นักเรียนที่เข้ารับการอบรม...สามารถนำบทความนี้ไปพัฒนาเพื่อทำให้ชีวิต..ของท่านได้รับความรู้และสร้างพลังกายทิพย์ให้มีความแข็งแรงพร้อมที่ทำให้ชีวิตได้สิ่งที่ปราถนาน่ะค่ะ...
บทความเรื่องพลังกรรม...ใครเป็นผู้ลิขิตนั้น
ท่านเคยคิดหรือไม่ ทำไมต้องมีกรรมมาลิขิตเราด้วย และใครล่ะเป็นผู้ลิขิต...
กรรมเก่าก็คือพลังอย่างหนึ่งที่พยายามเหนี่ยวนำให้วิถีชีวิตเป็นไปตามที่มันต้องการ   เปรียบเสมือนพลังงานความร้อนที่ให้กับแก้ว พลังงานนั้นมีค่าจำกัด ถ้าแก้วสามารถทนได้โดยไม่ปริแตก เมื่อพลังแห่งกรรมนั้นหมดแรงส่งผล ทุกอย่างก็จะกลับสู่สถาพเดิม   ชีวิตของคนเรานั้นเปรียบเสมือนแก้ว บางคนเปราะบาง ถูกอะไรนิดอะไรหน่อยก็แตกร้าว เสียผู้เสียคน ชีวิตก็ตกไปตามกฏแห่งกรรม...
กรรมที่สะท้อนกลับได้เร็วที่สุด ก็คือ กายกรรม   รองลงมาคือ วจีกรรม   บางครั้งถ้ามีมโนกรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว แต่พยายามอดทนเก็บไว้ ไม่ปลดปล่อยออกมาให้เป็นวจีกรรมหรือกายกรรม   เมื่อพลังแห่งวิบากหมดลง มโนกรรมที่อัดอั้นอยู่ในใจจะค่อยๆจางหายไปเอง ซึ่งก็คือหมดกรรมไปอีกวาระหนึ่ง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ (มโนกรรม) ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เกิดจากพลังแห่งกรรม... และรวมกับเจตสิกขึ้นมาเป็นดวงจิตรับอารมณ์ ดังนั้นเมื่อใด....ที่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกไม่ดีในใจ...
จงระลึกไว้เสมอว่าพลังกรรมเก่ากำลังทำงาน...
แต่...ถ้าเราสามารถกดพลังกรรม...มันไว้แต่เพียงในใจ ...ไม่ปล่อยให้แสดงออกมา กรรมเก่าก็ทำอะไรไม่ได้ เราไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง..ว่าตัวเองกำลังคิด หรือรู้สึกอะไรอยู่....
ความรู้สึกบางอย่างเก็บไว้ในใจจะดีกว่าค่ะ....
เหมือนการสร้างพลังกายทิพย์...ที่เราสามารถเข้าไปต่อสู้กับพลังกรรมได้แบบไม่ต้องไปแสดงความรู้สึกกับใครและไม่มีผลกรรมต่อใครทั้งสิ้น...
พลังกรรมเก่าที่อัดอั้นในใจมากๆมันอาจทำให้ใจของท่านมันเหมือนสงสัย กังวล และกลับกลายไม่มีความเชื่อมั่นตัวเองแต่ความเป็นจริงแล้วพลังกรรมเหล่านี้มีประโยชน์ ถ้าเปรียบพลังกรรมเป็นแก๊ส พลังแสงกายทิพย์ก็เป็นวาล์ว..ควบคุมให้แก๊สค่อยๆไหลออกมาตามต้องการ...
และสามารถใช้สำหรับทำความร้อนได้ ..
คนที่มีกรรมเก่ามากจะมีแรงขับมากกว่าปกติ...
ขอให้แปลงแรงขับนั้นให้เป็นประโยชน์โดยใช้พลังแสงกายทิพย์เป็นตัวควบคุม
แต่เมื่อใดที่ท่านไม่มีพลังแสงกายทิพย์ หรือมีแล้วแต่หลุดหรือหมดไป ก็เหมือนหัววาล์วแก๊สหลุด...
พลังกรรม...ที่อยู่ในใจนั้น มันจะพุ่งพรวดขึ้นมาทันที และสร้างหายนะอย่างมหาศาล....
ดังที่เรียกว่า   “อารมณ์ชั่ววูบ” จะต่างกันก็แต่การพุ่งของแก๊สออกทางหัววาล์วทางเดียว
แต่การพุ่งของพลังกรรม...จะออกทางทวารทั้งหก ก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ...
พลังแสงกายทิพย์ในตัวของเราเมื่อเราสร้างได้สำเร็จแล้ว พลังแสงกายทิพย์จะช่วยผ่อนคลาย พลังกรรมลงได้อย่างมาก
เพราะพลังกรรมหนึ่งมีค่าคงที่ เช่นเดียวกับไข่สองฟองที่ตกจากที่สูงเท่ากัน...
จะมีพลังงานในการตกกระทบพื้นเท่ากัน แต่ไข่ที่ตกลงบนพื้นฟองน้ำจะมี ช่วงเวลาของการกระทบพื้นยาวนานกว่าพื้นหิน (เพราะฟองน้ำยุบตัวได้) ทำให้ไข่ที่ตกลงบนพื้นฟองน้ำไม่แตก   แต่ไข่ที่ตกลงบนพื้นหินแตกกระจาย ทั้งที่พลังงานที่กระทำต่อไข่ทั้งสองฟองเท่ากัน...แต่เวลาต่างกัน
เพราะพลังแสงกายทิพย์เป็นพลัง ทำให้เวลานานขึ้น และสามารถกระจายแรงให้เบาบางลง
ไม่เฉพาะเวรกรรมร้าย.... พลังแสงกายทิพย์ช่วยส่งผลต่อกรรมดีด้วย.... เพราะคนที่มีพลังแสงกายทิพย์น้อย หรือจิตใจมีแต่ความเร่าร้อน เวลามีโชค หรือรู้ว่าจะมีโชค มักจะดีใจล่วงหน้าจนเกินไป เช่น บางคนพอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จก็ไปฉลองดีใจว่าติดแน่ๆ ทั้งที่ยังไม่ประกาศผล การดีใจล่วงหน้าจะทำให้พลังบุญหมด เพราะเป็นการแสดงความอยากมากเกินไป... และเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น เหมือนคนเล่าเรื่องตลกที่ใจร้อนอยากให้ขำเร็วๆ แต่ยังเล่าไม่จบก็ขำเองเสียก่อน   ....ถ้าเช่นนั้นผู้ฟังจะไม่ขำอย่างที่หวัง
เพราะฉะนั้น...เมื่อพบปัญหา ..ผู้ที่สร้างพลังแสงกายทิพย์มักมีความใจเย็นและทำให้เหตุการณ์ที่กำลังมีปัญหาอยู่ไม่  สามาถทำให้...จิตใจว้าวุ้นหรือเศร้าหมองได้ง่าย...
เพราะคนที่พลังแสงกายทิพย์น้อย หรือไม่เคยสร้างเลย จะมีแต่ความใจร้อนมักจะแฝงไปด้วย โทสะ โมหะ โลภะ ทำให้มองไม่เห็นปัญหา หรือเหตุปัจจัยตามความเป็นจริง...
เหมือนบางคนที่อาการอกหักแบบไม่รู้ตัว และเกิดความเสียใจมากกว่าความเสียดาย เพราะจิตใจข้างในหรือจิตใต้สำนึกมันได้ฝังลึกเรื่องราวต่างๆ ที่เราได้จากคนที่เรารัก ไม่ว่าเขาจะทำร้ายจิตใจ...ของเราเพียงไร เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้นมักจะเสียใจตลอดไป จนถึงขึ้น เสียดายอยากให้เขากลับคืนมา...แต่จริงๆมันเป็นไปไม่ได้...ยิ่งคิดก็ยิ่งช้ำใจมากขึ้น...จนฝังเป็นหลายๆปี จนลืมเขาหรือเธอไม่ลง...นี้แหละค่ะ       พลังเวรกรรม...เรานั้นแหละค่ะ เป็นผู้ลิขิต...

พลังกรรมเก่าจะส่งผลสำเร็จได้ ต้องมีปัจจัยร่วมเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เม็ดมะม่วงเป็นเหตุให้มีต้นมะม่วง   แต่ถ้าไม่มีปัจจัย ก็คือ ดิน น้ำ   แร่ธาตุ   ออกซิเจน เม็ดมะม่วงนั้นก็จะไม่สามารถเติบโตเป็นต้นมะม่วงได้   และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสนองผลกรรมก็คือ เวลาที่พอเหมาะ...
เพราะฉะนั้นการสร้างพลังแสงกายทิพย์ เป็นการนำเวลาให้ผ่านไปแบบตัวเราไม่ได้ผลกระทบอะไรเลย เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ความรู้สึกเปลี่ยนไป โดยที่ไม่มีการอาลัยอาวรณ์ แล้วกรรมเก่าก็หมดไปอีกวาระหนึ่งได้...
พลังกรรม..เป็นพลังที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของเราอย่างมาก โดยเฉพาะสมองซีกขวา ที่มักจะจับความรู้สึกผิดพลาดและบันทึกลงไปในจิตใต้สำนึก เช่น   คนที่เคยถูกครูสอนวิชาภาษาอังกฤษทำโทษอย่างรุนแรงในวัยเด็ก...เมื่อสมองซีกขวาจะบันทึกว่า...ภาษาอังกฤษกับการถูกทำร้าย...และถ้าเขารู้สึกโกรธครูมาก ความรู้สึกนี้จะครอบงำทำให้ไม่ชอบภาษาอังกฤษไปตลอด... แม้ว่าภายหลังจะไม่ได้เรียนกับครูคนนี้อีกก็ตาม...เรื่องนี้ดูเหมือนไม่มีเหตุผล แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนั้น...สมองซีกนี้ทำงานอย่างไม่มีเหตุผล และสามารถข้ามกาลเวลาได้...เหมือนที่เขาบอกว่ากรรมที่ทำมาจากอดีตชาติมันเข้ามาสนองเราเข้าแล้วนั้นเอง...
ความรู้สึกที่เก็บมาไว้ไม่นานเท่าไหร่ ถ้าเรียกขึ้นมาก็จะรู้สึกราวกับเพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้น...
การมีอคติ มีความแค้นฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก กลับเป็นผลเสียต่อชีวิตในอนาคต  
การสร้างพลังแสงกายทิพย์...เป็นการขุดลึกไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ฝังใจในอดีตที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้...เหมือนที่ใครๆต่างพากันหาคนที่มาดูอดีตชาติของตัวเอง ว่า ตนมีกรรมเก่าอะไรได้บ้าง...แต่ถ้ารู้แล้ว ก็ไม่สามารถแก้ไขกรรมเก่าของเราได้....
แต่การสร้างพลังกายทิพย์นั้นเมื่อรู้เหตุการณ์ในอดีตทั้งหมด เราสามารถไปแก้ไข..และทดแทนสิ่งที่เราเคยสูญเสียได้ และพร้อมกับมีชีวิตใหม่...โดยที่กรรมเก่าทั้งหลายไม่สามารถ เล่นงานหรือลิขิตชีวิตเราได้อีกแล้ว...
เนื่องจากการสร้างพลังแสงกายทิพย์ เป็นการให้อภัยบุคคลที่เราเคยก่อกรรมเวรให้กับเขาหรือเธอมา และสามารถย้อนอดีตไปหาเขาหรือเธอได้... ถึงขนาดข้ามภพชาติกันได้..
เพราะฉะนั้นทุกคนที่เคยมีประสบการณ์บางอย่างไม่ดีในวัยเด็ก ทั้งจาก เหตุการณ์ บุคคล หรือจากสิ่งของ ขอให้ตั้งจิตระลึกเสมอว่า...เหตุการณ์นั้นได้จบไปแล้ว อย่าให้ความกลัว โกรธ เกลียด แค้น ฯลฯ มาฝังอยู่ในใจของชีวิตเราในปัจจุบันอีกเลย...
การเข้าพลังแสงกายทิพย์ เป็นการสร้างพลังแสงที่สามารถเข้าไป “อภัย” ในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของเรามานานแสนนาน และสามารถปลดใจจากสิ่งร้ายๆได้มากที่สุดก็คือ “การให้อภัยตนเอง” บางคนชีวิตทำอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ   ส่วนหนึ่งมาจากมีบางสิ่งที่อยู่ในใจที่ยังไม่ได้ให้อภัยความผิดพลาด....
บางอย่างในอดีตของตนเอง เช่น บางคนรู้สึกเสียใจ ไม่ให้อภัยตนเอง...ที่เลือกคู่ผิดพลาด....
เมื่อหย่าร้าง...และแต่งงานใหม่...
เขาหรือเธอก็ทำผิดพลาดซ้ำเป็นครั้งที่สอง...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการผิดพลาดในครั้งแรกมีลูกด้วย...
การมีลูกจะทำให้...การให้อภัยตนเองทำให้ยากมากขึ้น...
การสร้างพลังแสงทิพย์จึงเป็นทางออก และทางเลือก ที่สำคัญ...
เพราะการให้อภัยคู่ชีวิตคนแรกเป็นการให้อภัยตนเอง ซี่งเป็นการปลดล็อกจากพลังเวรกรรมทั้งหลาย...ทั้งสิ้น
คู่สมรสที่หย่าร้างกันและต่างฝ่ายต่างไม่ให้อภัยกัน...ในที่สุดเมื่อแต่งงานใหม่...ก็จะพบกับคู่ที่มีแนวโน้มจะเหมือนเดิม
การที่ท่านจะมีรักใหม่...ถ้าท่านสามารถที่จะสร้างพลังแสงกายทิพย์ได้แล้ว  ชีวิตก็จะไม่ตกเวรกรรมเหมือนเก่า
เหมือนพบเจอคนที่ใช่...หรือคนที่เราเคยสร้างบุญกันมาแต่ก่อน ... หรือ พบคู่แท้ที่ดีต่อกัน หรือพบคู่รักที่อยู่ในอุดมคติที่เรา          ปราถนา...โดยใช้พลังแสงกายทิพย์เป็นตัวดึงดูดเขาหรือเธอเหล่านั้น เข้ามาหาเราได้อย่างง่ายขึ้น....
คู่สมรสที่มีการหย่าร้าง เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ให้อภัยแก่กัน ในที่สุดถึงแม้จะไปแต่งงานใหม่ ก็จะไปพบกับคู่ที่มีแนวโน้มจะตรงข้ามกับคนเดิม เช่น ถ้าแยกทางกันเพราะสามีตระหนี่มาก ก็จะได้สามีใหม่ที่สุรุ่ยสุร่าย   ถ้าแยกทางเพราะสามีโมโหร้าย ก็จะได้สามีคนใหม่ที่อาจจะใจเย็นกว่า แต่จะมีนิสัยอื่นที่ไม่ดีแทน เช่น กะล่อน เจ้าชู้   ชอบโกหก ฯลฯ   เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะจิตเดิมของเรามุ่งแต่จะไปหาคนใหม่ที่มีลักษณะตรงข้ามกับคนเดิมเสมอ แต่ลืมองค์ประกอบอื่นๆ ดังนั้น การสร้างพลังกายแสงทิพย์ จึงเป็นพลังที่สามารถดึงดูด คู่ครองในอุดมคติ เพราะจิตใจที่เคยว้าวุ้นเป็นทุกข์เพราะความรักเก่าที่ไม่ค่อยสมหวัง ได้ล้างพลังกรรมเวรออกไปหมด และมีการบันทึก คนรักเธอหรือเขาที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตัวเรา ทำให้เกิดสติ มีปัญญาตามมา แต่ถ้ายังมีความคับแค้นอยู่ หรือมีไฟสุมทรวงในใจมันก็เก็บอยู่ในห้วงลึก คือจิตใต้สำนึกของเรา ทำให้พลังกรรม...ยังคงวนเวียนฝังอยู่ในจิต...
รอสนองเมื่อเหตุและปัจจัยเหมาะสมในอนาคต หรือแม้แต่ปัจจุบันก็อาจจะรับกรรมนั้นอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเกิดขึ้นได้ ...
เพราะฉะนั้นการสร้างพลังกายทิพย์ เป็นหนทางหนึ่งที่เดินทางไปสู่จิตที่มีแต่ความสุข การให้อภัย การแผ่เมตตาแบบลึกสุดที่ไปสู่อดีตชาติของแต่ละท่านได้....
คนเราทุกคน...มีกรรมดีและกรรมร้ายแฝงอยู่...เปรียบเสมือนมีทั้งเทวดาและซาตานอยู่ในตัว... เทวดาจะคอยช่วยเหลือเรา แต่ปีศาจหรือซาตานจะคอยทำร้ายเรา....เมื่อใดที่เราหมดแรงหรือหมดกำลังใจ จิตใจของเราว้าวุ้น บางครั้งท้อถอยไปแบบไม่รู้สาเหตุ จึงจำไว้ว่า นั่นล่ะค่ะ แสงกายทิพย์ภายในตัวเราได้หมดลงแล้ว....เทวดาจะเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ เพราะเทวดาจะมาพร้อมกับพลังของแสงกายทิพย์ของเราตลอด
แต่ ถ้ายังทุกข์ไปเรื่อยๆ โอกาสที่พบพลังกรรมหรือพลังซาตาน มีแน่ เพราะแก้ไขไม่ทัน...
พวกเราจึงควรหันกลับเข้ามามองจิตใจส่วนลึกของเรา ดีกว่าที่จะไปมองคนอื่น ซึ่งอาจแก้ไขได้ยาก หรือแก้ไขไม่ได้เลย
เมื่อใดที่รู้สึกว่าจังหวะชีวิต...ของเราเสียไป หรือมีแต่เรื่องร้ายๆประดังเข้ามา เข้าทำนองเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ขอให้หยุดพิจารณาทันที เวลาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของกฎแห่งกรรม อย่างงั้นเขาไม่เรียกว่า “เทพเจ้าแห่งกาลเวลา” ถ้าเวลาไม่เหมาะสม กรรมเก่าทำอะไรเราไม่ได้ แต่ถ้าเวลาได้ถึงแล้ว...กรรมเก่า มีเหตุและผลตามเราทัน กว่าที่กลับมาสร้างพลังกายทิพย์ อาจแย่กว่าเดิมอีกค่ะ...
ตลอดชีวิตของคนเรามีช่วงเวลาทองไม่เหมือนกันค่ะ บางคนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ บางคนต้องรอคอยจนถึงอายุ40 ปี   แต่ความลับก็คือ ถ้าเราสามารถทำให้ความสำเร็จเข้ามาสู่เวลาที่เหมาะสมในชีวิตของคุณ ถือว่าคุณประสบความสำเร็จ การสร้างพลังกายแสงทิพย์จึงเป็นอาวุธที่ดีที่สุดและเป็นการต่อสู้กับพลังเวรกรรมได้ดีที่สุด....
ที่ช่วยให้ชีวิตของเราทุกคน ผ่านพลังกรรมที่เคยสร้างตั้งแต่อดีตมาได้ พยายามอย่าไปเทียบกับคนอื่น เพราะแต่ละคนมีกรรมเป็นกำเนิด   มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ไม่มีทางเหมือนกันได้ ...ถ้าเรารู้ตัวว่า เรามีกรรมเก่า และกำลังคิดเล่นงานเราอยู่
วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การสร้างพลังกายทิพย์ เพื่อช่วยประคับประคองให้ชีวิตของเรา...ผ่านพ้นพลังของเวรกรรมได้...อย่างง่ายดาย
ถ้าท่านใดที่สนใจการเข้าอบรมหลักสูตร
 “การสร้างพลังกายทิพย์” ต้นเดือนมิถุนายน เข้าอบรมครั้งละ 5 คน กรุณาโทรจองและลงทะเบียน
ได้ที่เบอร์ 081-8446425 อาจารย์อันติกา เป็นผู้รับสายทุกคนค่ะ......
ด้วยรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจ...
ธูปพลังรัก
อันติกา อริยชวัล...



Copyright article from www.promdeva.com.

1 comment:

  1. สวัสดีค่ะ อาจารย์แม่
    วันที่ 3 ค่ะ หลังจากที่พยายามหามุมที่โดนลมน้อยที่สุด ในที่สุดก้อเจอค่ะ วันนี้รู้สึกสบายค่ะ รู้สึกหนาวมากจนต้องหาผ้าห่มมาห่ม ปรับอารมณ์ให้สบาย ๆ ขำ ๆ เหมือนที่อาจารย์บอก ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เช้านี้มีแต่คนทักว่าทำไมเดี๋ยวนี้สวยจัง เลยส่งจิตไปขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้สวยขึ้นค่ะ
    คิดถึงอาจารย์ค่ะ
    สิรี

    ReplyDelete